ตามข่าว! นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางด้วยเครื่องบินส่วนตัวไป จ.เชียงใหม่ ระหว่างวันที่ 14-16 มี.ค.67 เพื่อไปทำบุญและเคารพสถูปบรรจุอัฐิบรรพบุรุษตระกูลชินวัตร ที่วัดโรงธรรมสามัคคี อ.สันกำแพง แล้วเดินทางกลับกรุงเทพฯ

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม บอกกับสื่อมวลชนเมื่อวันก่อนว่า รับทราบจากอธิบดีกรมคุมประพฤติ รายงานว่านายทักษิณขออนุญาตไปเชียงใหม่ ระหว่างวันที่ 14-16 มี.ค.67 เพื่อพบแพทย์ทางเลือกและพบญาติ ส่วนกรณีจะมีบุคคลอื่น รวมถึงกลุ่มคนเสื้อแดงมาพบด้วยนั้น ไม่ได้มองประเด็นดังกล่าว และการที่นายทักษิณไปเชียงใหม่จะมีพยาบาลไปด้วย

พยัคฆ์น้อย” สอบถามคนในกระทรวงยุติธรรม ว่ากรมคุมประพฤติมีข้อห้ามนายทักษิณไปเดินตลาดวโรรส จ.เชียงใหม่ หรือไม่? คำตอบคือ “ไม่มี” เพราะประเด็นสำคัญของผู้ที่อยู่ระหว่างการถูกคุมประพฤติคือ “ความเสี่ยงหรือแนวโน้มการกระทําความผิดซ้ำอีก” จากคดีในอดีต

ส่วนประเด็นอื่น ๆ ไม่ว่าจะไปพบใคร หรือใครมาขอพบ ไม่ใช่สาระสำคัญอะไร รวมทั้งกรณีนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี และสส.จะมาขอพบ ก็ถือเป็นเรื่องปกติธรรมดาทั่วไป แต่อย่า “โดดงาน” หรือหนีประชุมสภามาพบนายทักษิณก็แล้วกัน อันนี้ “ไม่สมควร” อย่างแน่นอน!

อันที่จริงตอนนายทักษิณพำนักอยู่ในต่างประเทศ ก็มีนักธุรกิจ อดีตรัฐมนตรี เพื่อนฝูง และกลุ่มคนหลากหลายอาชีพบินไปเยี่ยมเยือนกันเป็นเทือกอยู่แล้ว ยิ่งตอนนี้นายทักษิณกลับมาอยู่ในประเทศไทย ใครจะเข้าไปหา หรือจะไปคุยกับใคร ถือเป็นเรื่องปกติ!

โดยเฉพาะนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ได้เข้าไปเยี่ยม พูดคุยและกินข้าวกับนายทักษิณที่บ้านจันทร์ส่องหล้า เมื่อวันที่ 24 ก.พ.ผ่านมา และถ้าจะได้พบกันอีกที่เชียงใหม่ ก็ถือเป็นเรื่องปกติทั่วไป ไม่เห็นแปลกอะไรตรงไหน!

ถ้าจะมี “ดีล” อะไรกัน! เขาโทรศัพท์คุยกันเมื่อไหร่ก็ได้ หรือนายเศรษฐาจะแวะเวียนไปหาที่บ้านจันทร์ส่องหล้าอีกตอนไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องไป “ดีล” กันถึงเชียงใหม่!

ปัจจุบันประเทศไทยมีนายกฯ เพียงคนเดียวตามรัฐธรรมนูญ คือนายเศรษฐา ไม่ได้มีนายกฯ 2-3 คนหรอก! ส่วนคนอื่น ๆ คือที่ปรึกษา-ทีมงาน แล้วถ้านายทักษิณซึ่งเคยมีประสบการณ์บริหารประเทศมา 5-6 ปี สร้างผลงานไว้หลายโครงการ เช่น บัตรทอง (30 บาทรักษาทุกโรค) โอทอป กองทุนหมู่บ้านฯ

แม้จะมีการรัฐประหาร 2 ครั้ง แต่ทุกรัฐบาลที่ผ่านมาไม่กล้ายุบทิ้งโครงการเหล่านี้ก็แล้วกัน! ดังนั้นถ้านายทักษิณจะให้คำปรึกษาอะไรกับรัฐบาล ไปช่วยดึงนักลงทุนจากตะวันออกกลางมาทำโครงการแลนด์บริดจ์ แล้วเศรษฐกิจของประเทศดีขึ้น ประชาชนส่วนใหญ่ได้รับประโยชน์ มันไม่ดีกว่าหรือ?

น่าจะดีกว่าการตาม “แซะ” เรื่องราวในอดีตที่เกิดขึ้นหลังรัฐประหารปี 49 และปี 57 ตราบใดที่กระบวนการยุติธรรมยังเอื้อมมือไปไม่ถึง “คณะก่อการรัฐประหาร” สักครั้งเดียว! แล้วคนถูกทำรัฐประหารจะต้องติดคุกไปทำไม? ในเมื่อคำตอบมันก็มีอยู่ เมื่อนานาประเทศไม่ยอมส่งตัวนายทักษิณกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยตามคำขอ! ไม่รู้กี่ครั้ง!

วันนี้พลพรรคประชาธิปัตย์ทั้งอดีต-ปัจจุบัน และสส.ก้าวไกล หลายคนยัง “ก้าวข้าม” นายทักษิณไม่พ้น! โดยเฉพาะฝั่งก้าวไกลที่กำลังผลักดัน “นิรโทษกรรม” ให้กับผู้มีคดีการเมือง-คดี 112 ที่สร้างความแตกแยกให้คนในชาติมาเกือบ 20 ปี

คณะก่อการรัฐประหาร ฉีกรัฐธรรมนูญ มีอัตราโทษสูงกว่าใครทั้งหมด แต่รีบออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้ตัวเองก่อนใครเพื่อน! สส.ก้าวไกลจึงต้องการ “นิรโทษกรรม” ให้กับผู้มีคดีทางการเมืองและคดี 112 บ้าง! แต่ยังวนเวียนอยู่กับอดีตนายกฯ วัย 74 ปี ที่อยู่ระหว่างการถูกคุมประพฤติ!!.

……………………………
พยัคฆ์น้อย

อ่านบทความทั้งหมดที่นี่…