จากการที่ระยะหลัง ๆ ในไทย เกิดคดีหลายคดีที่มีชาวรัสเซียเกี่ยวข้อง… กรณีองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติกลุ่ม ’มาเฟียรัสเซีย“ ก็ได้ ’หวนกลับมาเป็นประเด็นโฟกัส“ ในไทยอีก… ทั้งนี้ ตอนที่แล้ว “ทีมสกู๊ปเดลินิวส์” ได้สะท้อนต่อข้อมูลไปส่วนหนึ่งจากงานวิชาการวิทยานิพนธ์หัวข้อ ’มองผ่านสายตามาเฟียรัสเซีย : การวิเคราะห์รูปแบบองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติในบริบทสังคมไทย“ โดย แสงโสม กออุดม นิสิตหลักสูตรปริญญาศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาอาชญาวิทยาและงานยุติธรรม คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งมี ผศ.ดร.สุมนทิพย์ จิตสว่าง เป็นอาจารย์ที่ปรึกษา…
ตอนนี้มาต่อที่ ’รูปแบบการก่อเหตุ“
ที่มีการศึกษาไว้โดยพบว่า ’เกิดบ่อย“
ในงานวิชาการดังกล่าวผู้จัดทำระบุไว้ว่า… “มาเฟียรัสเซีย” ที่เข้ามาก่อเหตุในไทยมีพฤติกรรม-รูปแบบการประกอบอาชญา กรรม ได้แก่ ปลอมแปลงและคัดลอกข้อมูลด้วยการสกิมมิ่งบัตรอิเล็กทรอนิกส์, ลักลอบจำหน่ายยาเสพติด, ลักลอบนำหญิงสาวจากแถบยุโรปตะวันออกเข้ามาค้าประเวณี, ประกอบธุรกิจการพนัน, การฟอกเงินเป็นต้น
ขณะที่ “มูลเหตุจูงใจ” ที่ทำให้เข้ามากระทำผิดในไทยนั้น ทาง แสงโสม แจกแจงไว้ว่า… จะประกอบด้วยตัวกระตุ้นสำคัญ ๆ อาทิ จากความต้องการเงินหรือผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ, การไม่เกรงกลัวต่อบทลงโทษ, ความกดดันที่เกิดขึ้นจากสภาพปัญหาทางเศรษฐกิจและสังคมในรัสเซีย และจากการที่มีผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่มีความทับซ้อนของประเทศไทย
เหล่านี้เป็น “มูลเหตุจูงใจที่สำคัญ”
ที่ “ทำให้มาเฟียรัสเซียมุ่งเข้าสู่ไทย”
อนึ่ง เกี่ยวกับ ’จุดโฟกัสน่าสนใจ“จากมูลเหตุจูงใจที่กระตุ้นให้มาเฟียกลุ่มนี้เข้ามาทำผิดในไทยนั้น เรื่องนี้ในงานวิชาการข้างต้นก็ได้มีการสะท้อนไว้ว่า… จากผลศึกษาพบว่าปัจจัยที่ทำให้มาเฟียรัสเซียไม่เกรงกลัวต่อบทลงโทษในการเข้ามาประกอบอาชญากรรมในประเทศไทยเกิดจากการที่มาเฟียกลุ่มนี้เล็งเห็นว่า… กลุ่มองค์กรอาชญากรรมมาเฟียรัสเซียมีเครือข่ายองค์กรที่สลับซับซ้อน อีกทั้งการประกอบอาชญากรรมของกลุ่มยัง เป็นอาชญากรรมที่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญและทักษะเฉพาะด้าน ในการกระทำผิดดังนั้น จึง มั่นใจว่าจะหลบเลี่ยงการจับกุมของเจ้าหน้าที่ไทยได้
นอกจากด้านรูปแบบที่พบว่ามีการก่ออาชญากรรมที่หลากหลายแล้ว ยังมีการ ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง หรือเชี่ยวชาญในการประกอบอาชญากรรมทางเศรษฐกิจเช่น เชี่ยวชาญการปลอมแปลงบัตรเอทีเอ็ม หรือมีความชำนาญในธุรกิจค้ายาเสพติด ค้าประเวณี รวมถึง ค้าอาวุธเถื่อน และเรียกค่าคุ้มครอง โดยที่มักจะตั้งธุรกิจบังหน้าเพื่อฟอกเงินเช่น ธุรกิจท่องเที่ยวครบวงจร ธุรกิจอสังหา ริมทรัพย์ โดย จ้างคนไทยเป็นตัวแทน …นี่เป็นข้อมูลโดยสังเขป “รูปแบบอาชญากรรม”…
ที่ “มาเฟียรัสเซียมาก่อเหตุในไทย”
และในงานวิชาการชิ้นเดิมยังระบุข้อมูลที่น่าตกใจไว้ว่า… จากรายงานการจับกุมมาเฟียรัสเซีย พบว่า มาเฟียรัสเซียไม่เพียงเข้ามาลักลอบทำงาน-ประกอบธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวหลายรูปแบบอย่างผิดกฎหมาย เช่น ร้านอาหาร สถานบันเทิง ให้เช่ารถยนต์ แต่ยังพบว่า… ในหลายพื้นที่มีกลุ่ม ’มาเฟียรัสเซีย“ เข้าไป ’เกี่ยวโยงกับการฮั้วประมูลงานภาครัฐ“ และใช้วิธีการต่าง ๆ เพื่อให้ได้ตามที่ต้องการ เช่น ข่มขู่คุกคามผู้เข้าร่วมประมูลเพื่อให้เกิดความหวาดกลัวจนยอมถอนตัวจากการประมูล ซึ่งสร้างความเสียหายให้ระบบเศรษฐกิจของไทยอย่างมาก …นี่ถือเป็นการ ’ฉายภาพ“เกี่ยวกับ…
’พัฒนาการการก่อเหตุ“ที่เกิดในไทย
โดย “องค์กร–มาเฟียข้ามชาติรัสเซีย”
ทาง แสงโสม กออุดม ยังมี “ข้อสังเกตน่าสนใจ” ที่พบจากการศึกษา โดยระบุไว้ว่า… ข้อสังเกตประการหนึ่งคือ แม้จะสามารถจับกุมมาเฟียรัสเซียที่ก่ออาชญากรรมในไทยได้ แต่กลับพบว่ามาเฟียรัสเซียก็ยังมีเข้ามาก่ออาชญากรรมในไทยอีก สะท้อนได้จากการจับกุมมาเฟียรัสเซียที่ทำผิดอย่างต่อเนื่องซึ่งจากข้อสังเกตดังกล่าวจึงนำสู่ประเด็นคำถามสำคัญที่ว่า… มาเฟียรัสเซียมีมูลเหตุจูงใจใดในการเลือกหลบหนีเข้ามาประกอบอาชญากรรมในไทย?? เพื่อที่จะค้นหาสาเหตุอันจะนำไปสู่แนวทางในการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหาการเข้ามาประกอบอาชญากรรมของ “มาเฟียรัสเซีย”
ทั้งนี้ ในงานวิชาการนี้ยังจัดทำ “ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายเพื่อแก้ปัญหา” ซึ่งมีแนวทางต่าง ๆ ดังนี้คือ… ควรพัฒนาระบบฐานข้อมูลคนเข้าเมือง และผู้ที่ลักลอบเข้าเมือง อย่างเป็นการบูรณาการระหว่างหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม, ควรเร่งรัดพัฒนาและปรับปรุงระบบฐานข้อมูลบุคคลต้องห้าม, ควรแก้ไขปัญหาหนังสือเดินทางปลอม เอกสารปลอมแปลงประเภทต่าง ๆ อย่างเข้มงวดขึ้นอีก และ ควรกำหนดนโยบายการจัดทำฐานข้อมูลการขึ้นบัญชีดำ (Blacklist)อาชญากรสัญชาติรัสเซียเพื่อป้องกันการเข้ามาหลบซ่อนตัวในไทยให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น รวมถึง ควรเร่งสร้างเครือข่ายระหว่างประเทศเพื่อเชื่อมโยงระบบฐานข้อมูลด้านองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติมาเฟียรัสเซีย…นี่คือข้อเสนอแนะ ซึ่ง…
เชื่อว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคงจะเข้ม
กับการ ’จัดการกรณีมาเฟียรัสเซีย“
คงไม่ ’จับเรื่อย ๆ ไม่หมดเสียที??“.
