หนึ่งใน “ทอล์ค ออฟ เดอะทาวน์” ของชาว “ติ่งเกาหลี” ช่วงนี้ แน่นอนว่าจะต้องมีชื่องานแฟนมีตติ้ง “2024 Kim Soo Hyun Asia Tour in Bangkok” ของพระเอกค่าตัวแพงอันดับ 1 ของเกาหลีใต้ตอนนี้อยู่ในกระแสด้วย และผู้ที่อยู่เบื้องหลังนำพา คิม ซู ฮยอน มาให้แฟนชาวไทยได้พบเจอเป็นชาติแรกของเอเชียทัวร์ 2024 ก็คือผู้จัดหน้าใหม่อย่าง “กรังด์ปรีซ์”… ใช่…กรังด์ปรีซ์เดียวกับบริษัทเจ้าของนิตยสารยานยนต์ ผู้นำด้านการจัดงานแสดงยานยนต์ Bangkok International Motor Show ผู้นำการจัดแข่งขันรถชั้นนำของไทย กับบทบาทล่าสุดที่ฉีกแนวไปจากความคุ้นเคยเดิม ๆ… “ผู้จัดงานแฟนมีตติ้งศิลปินเกาหลี” โดยมี “พีระพงศ์ เอี่ยมลำเนา” หรือที่ใคร ๆ เรียกกันติดปากว่า “คุณแอม” เป็นคีย์แมน…

“แอม-พีระพงศ์ เอี่ยมลำเนา” คนนี้ เป็นทายาท เป็นเจน 2 ของบริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ปัจจุบันนั่งกุมบังเหียนในตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่สายพัฒนาธุรกิจ / ประธานเจ้าหน้าที่สายการเงิน ซึ่งแม้นามสกุลจะเป็นสิ่งที่การันตีตำแหน่งผู้บริหารแน่ ๆ แต่ใช่ว่าเมื่อเรียนจบแล้วจะก้าวขึ้นมา ณ จุดนี้ในทันที หลังจากจบการศึกษาด้านบริหารธุรกิจ เอกการตลาด จากมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ(เอแบค) และเข้ารับผิดชอบงานของกรังด์ปรีซ์ฯ เขาเริ่มเรียนรู้ทุกอย่างตั้งแต่ฝ่ายบุคคล บัญชี-การเงิน จัดซื้อ ธุรการ จนกระทั่งทำหน้าที่ในตำแหน่งปัจจุบัน โดยรับผิดชอบและดูแลการขยายธุรกิจใหม่ ๆ

“จริง ๆ มาจากความพยายามที่จะขยายธุรกิจ เดิมเราอยู่กับรถ งานใหญ่ที่สุดก็คือมอเตอร์โชว์ สัดส่วนจะแบ่งเป็นงานอีเวนท์ 70% อีก 30% ที่เหลือเป็นสิ่งพิมพ์และมีเดียต่าง ๆ เราพยายามที่จะทำให้สิ่งพิมพ์และมีเดียโต แต่อาจจะยากเพราะการแข่งขันสูง เรารู้สึกว่ามันค่อนข้างที่จะเริ่มนิ่ง ก็มาดูว่าถ้าจะปรับจะทำส่วนไหนได้บ้าง เลยมีการคิดถึงเรื่องแบรนดิ้ง ว่าธุรกิจจะเป็นยังไง คำว่ากรังด์ปรีซ์ ก็อาจคิดว่าเกี่ยวแต่กับเรื่องรถ แต่ความจริงมาจากคำว่า Grandprix ภาษาฝรั่งเศสแปลว่ารางวัลใหญ่ เราอาจขยายภาพกรังด์ปรีซ์ให้มากกว่าเดิม”

กับ “คิม ซู ฮยอน” ที่เพิ่งจัดแฟนมีตติ้งในไทยจบไป

จากผู้จัดงานแสดงรถยนต์ ต่อเนื่องสู่ผู้จัดการแข่งขันรถยนต์ คุณแอมมองว่าศักยภาพของทีมงานที่มีอยู่ในแวดวงกีฬา การจะต่อยอดสู่กีฬาประเภทอื่น ๆ ด้วยจึงไม่น่าจะเป็นเรื่องยาก งานไตรกีฬา AMAZING RACE FESTIVAL & TRIATHLON จึงเป็นหนึ่งในอีเวนท์มาใหม่ของกรังด์ปรีซ์ โดยมีพาร์ทเนอร์ผู้ช่ำชองในสายงานนี้มาร่วมเป็นหุ้นส่วน ครั้งนั้นมีคนเข้ามาร่วมประมาณ 3,000 คน ความแข็งแรงของทีมงานในด้านการจัดอีเวนท์ทั้งแนวสปอร์ตและพ่วงเอ็นเตอร์เทนเมนท์ ที่เป็นจุดแข็ง จึงมาสู่การจัดงาน “2023 JI CHANG WOOK FAN MEETING in BANGKOK” งานแฟนมีตติ้งศิลปินเกาหลีครั้งแรกที่กรังด์ปรีซ์ก้าวเข้ามาเป็นผู้จัด งานที่คุณแอมบอกว่า อยากเปลี่ยนจากการหาสปอนเซอร์แบบที่ทำมาตลอด มาเป็นการสร้างรายได้ให้ธุรกิจจากกลุ่มลูกค้าจริง ๆ จากผู้บริโภคที่จ่ายเงินเพื่อซื้อ ซึ่งมองอนาคตไว้ว่าจะเป็นอีกส่วนที่จะทำรายได้ให้กับธุรกิจได้

“อย่างงานวิ่ง ถ้ามีคนสมัครเป็นหมื่นคน ทำให้เติบโตได้ งานคอนเสิร์ตก็เหมือนกัน เลยจุดประกายว่าเราจะแตกไลน์อย่างอื่นออกไป พอคิดปุ๊บเหมือนดวงจะพามาทางนี้ด้วย เพราะหลังจากประชุมวางแผนการขยายการทำงาน อีกวันก็มีรุ่นพี่ที่เคารพมากแนะนำให้รู้จักกับผู้จัดงานวิ่ง งานแฟนมีตติ้งก็เช่นกัน จังหวะมีคนมาเสนอแล้วคิดว่าน่าสนใจก็เลยลองศึกษาดู โดยแรก ๆ เราเป็นโปรโมเตอร์ ลงทุนและจัดการส่วนต่าง ๆ แต่เรื่องการแสดงจะจ้างบริษัทที่เชี่ยวชาญมาดูแล เราทำตรงนี้มานานมีคอนเนคชั่นและรู้อยู่แล้วว่าคนไหนทำดีไม่ดี หน้าที่หลัก ๆ ของเราก็คือทำอย่างไรให้งานราบรื่นที่สุด เริ่มตั้งแต่การจองบัตรจนถึงวันงาน เราต้องพยายามเข้าถึงลูกค้าให้เร็วที่สุด จัดการปัญหาต่าง ๆ ให้รวดเร็ว ที่ผ่านมาก็ถือว่าเราทำได้ดีในระดับหนึ่ง”

กับ “ดร.ปราจิน เอี่ยมลำเนา” คุณพ่อ

แล้วเมื่อต้องกระโดดเข้ามาสู่วงการเกาหลีแบบนี้แล้ว ต้องปรับตัวมากหรือไม่? คุณแอมบอกว่า แน่นอนว่าการทำงานมีความต่าง อย่างที่บอก จากที่เคยประสานงานกับสปอนเซอร์เปลี่ยนมาทางผู้บริโภคแทน แต่ที่ต้องปรับมากกว่านั้นก็คือ การทำงานกับทีมงานของศิลปินเกาหลี ที่มีข้อจำกัดและเงื่อนไขในการจัดงานแต่ละครั้งไม่เหมือนกัน ต่างกันไปในแต่ละบริษัทที่ดูแลศิลปิน แต่สิ่งที่คุณแอมตั้งใจให้แบรนด์อยู่ในสายตาของเอเจนท์ศิลปินเกาหลี และกลุ่มแฟนคลับชาวไทย ก็คือความต่างของการจัดงานในสไตล์กรังด์ปรีซ์ที่ไม่เหมือนใคร

“ในแง่ธุรกิจ การจัดงานแฟนมีตติ้งครั้งแรกไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร เรื่องของการวางแผน จำนวนคน การขายบัตร ไม่ได้เป็นไปตามเป้าหมาย แต่เราก็ถือว่ามาแล้วก็ต้องพยายามทำให้ดีที่สุด โชคดีที่ลูกค้าค่อนข้างประทับใจกับงานที่จัดในภาพรวมทั้งหมด ซึ่งตัวศิลปินเอง คุณ จี ชาง อุก ก็เต็มที่กับงานด้วย แม้ว่าเราอาจไม่ประสบความสำเร็จเรื่องรายได้ แต่เราก็มีภาพที่คนจดจำเพราะความประทับใจมีซิกเนเจอร์อย่างหนึ่งของเรา และคิดว่าน่าจะเป็นเหตุผลที่ทำให้ครั้งนี้เราได้ศิลปินเบอร์หนึ่งอย่างคุณ คิม ซู ฮยอน เพราะหากที่ผ่านมาเราทำงานไว้ไม่ดี หมายความว่าการจะได้ศิลปินเบอร์หนึ่งมาจะไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะจะใช้เงินถมไปอย่างเดียวก็ใช่ว่าจะได้งาน”

ถามว่ามาจัดงานแฟนมีตติ้งเกาหลีแบบนี้แล้ว คุณแอมเองติด ซีรีส์เกาหลี ด้วยแน่ ๆ ใช่หรือไม่? เจ้าตัวรีบปฏิเสธว่าไม่ติด แต่เรื่องแรกที่ดูก็คือ Autumn in My Heart แถมยังดูไปเสียน้ำตาไปด้วยอีกต่างหาก และเหตุผลที่เวลาดูต้องตั้งใจก็เพราะต้องคอยอ่านซับไตเติ้ล เพราะเคยดูแบบพากย์ไทยแล้วรู้สึกว่าอรรถรสเหมือนจะลดน้อยลง

พร้อมหน้า พ่อ แม่ ลูก ๆ ในวันพักผ่อน

“ไม่ได้ติด แต่พยายามดูให้จบ ถ้ามีเวลาก็จะดู ถ้าไม่ได้ดูก็จะไม่ดูเลย ถ้าดูก็ต้องต่อให้จบ บางทีก็ดึก หลัง ๆ เลยต้องเลือกอันไหนที่มีจบแล้ว จะได้ดูทีเดียว แต่มีบางทีเราไม่รู้ ดูไปแล้วยังไม่จบ อ้าว… เขาจะเริ่มอัพตอน 4 ทุ่มเราก็คอยดู… พอมาทำงานตรงนี้ก็จะเปิดดูว่าศิลปินที่เรานำเข้ามาเป็นใคร ยังไง เดิมก็ดูอยู่บ้างแต่ไม่ได้ถึงขนาดติด ใครบอกว่าเรื่องนี้ดังก็จะดู อย่างคุณ คิม ซู ฮยอน ก็ได้ดูผลงานมาหลายเรื่อง ตอนที่ดูเรื่อง Queen of Tears ก็คิดแล้วว่าน่าจะพามาจัดแฟนมีตติ้ง แต่ทีแรกจังหวะยังไม่ได้ แล้วจังหวะก็เข้ามาแบบฉุกละหุก จากที่เราคิดว่าจะต้องมีเวลาเตรียมงาน 3-4 เดือน มีแค่เดือนกว่า ๆ งานนี้ทางเกาหลีเองก็อยากจะจัด ทางเขาก็คิดเพราะตอนนี้มีศิลปินเดินสายเยอะ และไม่ใช่ว่าดังแล้วจะไปได้ทุกที่ บัตรจะขายได้ ต้องอาศัยกระแสด้วย ครั้งนี้ละครจบพอดี และเขามีช่วงว่างเลยอยากทำเอเชียทัวร์ งานนี้จึงค่อนข้างเร่งด่วนในแต่ละประเทศ”

แม้การจัดงานแฟนมีตติ้งจะมีข้อจำกัดเรื่องสปอนเซอร์ รายได้จะมาจากทางเดียวคือการจำหน่ายบัตร ซึ่งต้องขายให้ได้ 80-90% ของทั้งหมด จึงจะมีกำไร แต่ คุณแอม มองว่า นี่ยังคงเป็นอีกไลน์ธุรกิจที่สามารถต่อยอดต่อไปได้ จากประสบการณ์การจัดงาน 2 ครั้งที่ผ่านมา จึงพอจะวางแพลนไว้ในใจได้ว่าสเกลงานของศิลปินที่จะนำเข้ามาแต่ละคนควรจะแค่ไหนอย่างไร วางแผนไว้ว่าจะจัดงานปีละ 3 ครั้ง และอาจขยายไปสู่งานที่มีสเกลใหญ่มากขึ้นไปอีกอย่างคอนเสิร์ตหรืองานประกาศรางวัล

ทิ้งท้าย ทาง “แอม-พีระพงศ์” บอกว่า… “วันนี้เราได้ก้าวออกจากเซฟโซนเดิม ธุรกิจเดิมกว่าเราจะประสบความสำเร็จได้ แรก ๆ ก็ไม่ได้มากมาย ก็ค่อย ๆ ปรับไป ธุรกิจใหม่นี้ก็เหมือนกัน จะประสบความสำเร็จมากหรือน้อย เราอาจจะไม่ได้ทำต่อหรือทำต่อก็ได้ หรือมีเวย์อื่นที่ดีกว่านี้ก็ได้ แต่ตอนนี้เราเริ่มเดินออกจากเส้นทางเดิม มาในมุมอื่นมากขึ้น ก็ได้ศึกษาเรียนรู้และขยายฐานออกไปทางอื่น ตอนนี้เรามีไดเรคชั่นแล้วว่าต้องดันตรงนี้ให้ดี และรวมถึงโอกาสใหม่ ๆ ในอนาคต วันหนึ่งเราอาจจะหามุมอื่นเจอ…ก็เป็นเรื่องของอนาคต”

ไปดูคอนเสิร์ตบีทีเอสที่เกาหลีกับ “อาร์มี่โอ”

‘อาร์มี่’ ผู้ที่ ‘ชักนำเข้าสู่วงการ’

จะเรียกว่า “โอ-ศศิวัลย์ เอี่ยมลำเนา” ภรรยาของ “แอม-พีระพงศ์ เอี่ยมลำเนา” เป็นผู้ชักนำคุณแอมเข้าสู่วงการซีรีส์เกาหลีก็คงจะไม่ผิด และวันนี้ผู้ชักนำคนนี้ก็เป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ของเขาในการช่วยดูช่วยเลือกการนำเข้าศิลปินเกาหลี

“เขา (คุณแอม) รู้ว่าโอชอบซีรีส์เกาหลีตั้งแต่เป็นแฟนกันแรก ๆ ย้อนไปอายุ 16-17 ปี เราดูซีรีส์เกาหลีด้วยกัน เรื่องแรกที่ดูคือ Autumn in My Heart ตั้งแต่นั้นมาโอก็ดูแทบจะทุกเรื่องเลย โอเป็นแฟนคลับบีทีเอส เป็นอาร์มี่ เขาเห็นเราอยากจะไปดูให้ได้ตอนที่ขายบัตรรอบสุดท้ายก่อนที่จะแยกย้ายเข้ากรม ถึงกับร้องห่มร้องไห้ที่จองไม่ได้ แล้วพอหาซื้อจนได้วันรุ่งขึ้นซื้อตั๋วแล้วก็บินไปด้วยกันเลย เขาก็ดูซีรีส์กับโอบ่อย ๆ หลังจากมี Netflix ก็จะนั่งดูด้วยกันตลอด หลัง ๆ เขาดูมากกว่าโออีกนะ อย่างโอเคยดูไว้ถึงตอนที่ 3 พอกลับมาดูต่อ เฮ้ย…ทำไมดูถึงตอนที่ 10 แล้ว คือเขามานั่งดูทั้งวันทั้งคืนเลย มีบางคืนดูถึงตี 5 เขาบอกไม่อยากหลับ แต่เพราะต้องทำงาน ไม่งั้นไม่ไหว เลยต้องยอมปิด ช่วงที่จะมีธุรกิจตรงนี้เพิ่ม เราก็คุยกัน นักแสดงเรื่องนี้เรื่องนั้น เขาก็ไปตามดู ถ้าสนใจนักแสดงคนไหนก็จะไปไล่ดูซีรีส์เลย ทุกเรื่องที่คนนี้เล่น ตั้งแต่นักแสดงคนแรกที่บริษัทเริ่มจัดงานแฟนมีตติ้ง จี ชาง อุก เขาก็ไปไล่ดูเลย แต่อย่างโอดูผลงานมาอยู่แล้วตั้งแต่ Empress Ki (กีซึงนัง จอมนางสองแผ่นดิน) แล้วก็อีกหลายเรื่องหลังจากนั้น”

นอกจากซีรีส์แล้ว คุณโอ ยังชอบพวกเสื้อผ้า แฟชั่นสไตล์เกาหลี โดยบอกว่าสไตล์ค่อนข้างดี พอถูกแซวว่าได้เอามาปรับการแต่งตัวของคนข้าง ๆ ของ คุณแอม บ้างไหม คุณโอก็รีบบอก… “สไตล์การแต่งตัวเขาเปลี่ยนไปเยอะแล้วนะ นี่เริ่มเกาแล้ว เกาลัด” และคุณโอก็ยังแอบกระซิบว่า จริง ๆ แล้วคุณแอมชอบซีรีส์เกาหลีมาก ดูเป็นพันรอบ ตั้งแต่ ฟูลเฮ้าส์ ที่ เรน เป็นพระเอก… “เขาบอกไม่ติด แต่จริง ๆ แล้วเขาตัวติดเลย ดูก่อน ดูซ้ำ จบแล้วยังดูวนอีก วงการนี้เข้าแล้วออกยาก”.

อธิชา ชื่นใจ