ลุกก็ปวด นั่งนานก็ปวด โรคข้อถือเป็นภัยเงียบที่คุกคามสุขภาพของคนทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะโรคข้อที่คนไทยเป็นกันเยอะอย่าง ‘โรคข้อเข่าเสื่อม’ และวันนี้คือวันโรคข้อสากล ที่จะทำให้คนกลับมาตระหนักกับการดูแลสุขภาพของข้อต่อต่างๆ ตามร่างกายอย่างจริงจัง

สำหรับในประเทศไทย พบว่ามีประชากรเป็น “โรคข้อเข่าเสื่อม” ประมาณ 6 ล้านคน สร้างปัญหาให้ผู้ที่เป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะเจ็บปวดจากอาการเข่าเสื่อมแล้ว ยังต้องเสียค่ารักษาหลักแสนในการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่า ยิ่งในผู้สูงอายุยิ่งกลัวว่าผ่าตัดแล้วจะเกิดปัญหาต่างๆ ตามมา และหากไม่รักษาอาจทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนอื่นๆ ขึ้นได้ อาทิ โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง เนื่องจากไม่สามารถออกกำลังกายได้นั่นเอง

“โรคข้อเข่าเสื่อม” โดยทั่วไปจะพบมากในช่วงอายุ 40 ปีขึ้นไป กลุ่มเสี่ยงจะอยู่ในกลุ่มผู้ที่มีน้ำหนักมากเกิน มีขาหรือเข่าที่ผิดรูป ผู้ที่ออกกำลังกายที่มีการกระแทกอย่างแรง จึงขอแนะนำให้หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่อาจเป็นสาเหตุให้เกิดโรคข้อเข่าเสื่อม โดยในผู้ที่มีน้ำหนักเกิน ควรจะลดน้ำหนักลงให้อยู่ในระดับเหมาะสม เลือกการออกกำลังกายที่เหมาะสมกับตัวเอง เช่น การเดินแทนการวิ่ง งดพฤติกรรมที่อันตรายต่อข้อเข่านานๆ อาทิ คุกเข่า นั่งพับเพียบ นั่งยองๆ กับพื้นนานๆ เป็นต้น

สำหรับการรักษาทางการแพทย์แผนปัจจุบัน รักษาได้โดยการผ่าตัด ซึ่งมีด้วยกันหลายวิธี ได้แก่ การล้างข้อด้วยการใช้การส่องกล้องช่วยล้างน้ำไขข้อที่อักเสบ การผ่าตัดจัดแนวกระดูกขา ใช้ในกรณีขาโก่งผิดรูปเล็กน้อย และการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม เป็นการผ่าตัดเอาผิวข้อที่สึกออกไปและทดแทนด้วยผิวข้อเทียม ซึ่งมีค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดถึงหลักแสนบาทเลยทีเดียว และยังมีระยะพักฟื้นอีกหลายเดือน

แต่สำหรับผู้ป่วยที่ไม่ต้องการผ่าตัด.. ยังมีอีกหนึ่งวิธีที่เป็นวิธีธรรมชาติ ซึ่งสามารถต้านโรคข้อเข่าเสื่อมได้ โดยคณะนักวิทยาศาสตร์ไทยสามารถสกัดพืชไทย 5 ชนิด ได้แก่ มังคุด งาดำ ถั่วเหลือง ฝรั่ง และบัวบก โดยสารสกัดดังกล่าวเมื่อเสริมฤทธิ์กันมีคุณสมบัติในการลดการหลั่งสาร TNF alpha, IL-6 และ IL-17 ของเม็ดเลือดขาว ซึ่งเป็นสารที่ทำให้เกิดอาการอักเสบ สร้างภาวะภูมิคุ้มกันที่สมดุลให้กับร่างกาย นอกจากนี้ สารสกัดจากธรรมชาติยังสามารถเสริมสร้างคอลลาเจนและกระดูกอ่อนเมื่อมีการใช้งานต่อเนื่องอีกด้วย

“ข้อแนะนำในการดำเนินชีวิตประจำวัน” เพื่อป้องกันการสึกหรอของข้อไม่ให้เพิ่มมากขึ้น ได้แก่

  1. การควบคุมน้ำหนักตัวไม่ให้อ้วนเกิน
  2. หลีกเลี่ยงการคุกเข่า ขัดสมาธิ หรือนั่งยองๆ รวมทั้งการขึ้นลงบันไดบ่อยๆ ที่ไม่จำเป็น
  3. ผู้ที่มีการบริหารกล้ามเนื้อเข่าให้แข็งแรงจะช่วยให้การใช้งานข้อได้ดีขึ้น ในเรื่องการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพนั้นควรเลือกให้เหมาะสม เช่น การเดิน การปั่นจักรยาน หรือการออกกำลังกายในน้ำ โดยเฉพาะผู้ที่มีน้ำหนักตัวมาก

ดังนั้น ไม่ว่าจะอายุเท่าใดก็ตาม ก็ควรเริ่มดูแลและรักษาตัวเองตั้งแต่วันนี้ เพื่อป้องกันภาวะข้อเสื่อมที่อาจก่อให้เกิดการสูญเสียเพิ่มขึ้นในอนาคต หรือสนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรคข้อเข่าเสื่อมได้ที่ โทร. 0-2510-2023…

ขอบคุณข้อมูลจาก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ สสส.