โดยเราจะถือว่าสุนัขจะเริ่มเข้าสู่วัยชราเมื่ออายุประมาณ 8 ปี สุนัขพันธุ์ใหญ่จะมีช่วงอายุขัยเฉลี่ย 10-12 ปี พันธุ์ยักษ์ 7-9 ปี ส่วนแมวนั้นอายุเฉลี่ยใกล้เคียงกับสุนัขพันธุ์เล็ก คือประมาณ 15 ปี

ทุกคนคงเคยเกิดคำถามว่า ถ้าเทียบกับอายุคน สุนัขหรือแมวจะมีอายุได้เท่าไหร่ เมื่อก่อนอาจจะเคยได้ยินว่าให้คูณ 7 เข้าไป แต่สูตรนี้จริง ๆ แล้วมีความตรงน้อยมาก อย่างที่บอกไป เพราะสุนัขมีความแตกต่างทางสายพันธุ์มาก โดยส่วนใหญ่ สุนัขอายุ 1 ปีจะเทียบเท่ากับคนอายุ 15 ปี สุนัขอายุ 2 ปีจะเทียบเท่ากับคนอายุ 24 ปี แต่หลังจากสามปีขึ้นไปอาจจะคูณด้วย 4-7 ในสุนัขสายพันธุ์ต่าง ๆ กัน แล้วความสำคัญของอายุอยู่ที่ตรงไหน เมื่อเราทราบอายุของสุนัขแล้วเราก็ต้องคอยดู สังเกตอาการหรือพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของสุนัขและแมว เค้าอาจไม่มีกิจกรรมที่มากเหมือนเดิม การทำงานของอวัยวะภายในต่าง ๆ กระดูกและข้อก็อาจไม่ดีเหมือนเดิม โรคภัยหลายอย่างที่มากับความชรา หรือแม้แต่โรคประจำสายพันธุ์ อย่างโรคหัวใจหรือมะเร็ง

นอกจากนี้ทราบไหมว่า สุนัขก็มีโรคความจำเสื่อมเหมือนในคนผู้สูงอายุนะคะ แต่เราอาจจะไม่เคยรู้ ลองสังเกตอาการเหล่านี้ดูว่าสุนัขหรือแมวของคุณมีอาการเช่นนี้บ้างหรือเปล่า เช่น ไม่สนุกกับการเล่นเหมือนเคย ไม่ทำอะไรที่เคยชอบ เฉยชาต่อการทักทาย ไม่ทำตามคำสั่ง เอาแต่นอนในเวลากลางวันแต่ตื่นมาเดินไปเดินมาและเห่าในเวลากลางคืน ขับถ่ายผิดที่ผิดทาง เดินวนไปวนมาไม่รู้จบ มองหน้าประตูหรือมุมห้องอย่างงงๆ หรือบางครั้งร้องขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ พวกเค้าอาจจะไม่ได้แค่แก่ แต่ป่วยเป็นโรคความจำเสื่อมด้วยก็ได้

สุนัขและแมวทุก ๆ ช่วงวัย ยิ่งคุณให้อาหารที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพของพวกเค้า ยิ่งทำให้พวกเค้ามีโอกาสที่จะมีชีวิตยืนยาวและมีสุขภาพที่ดีขึ้น หลีกเลี่ยงการให้สุนัขทำกิจกรรมที่ต้องใช้พลังงานเยอะ หรือเปลี่ยนแปลงกิจวัตรประจำวันที่เค้าทำอยู่เป็นประจำ คุณควรค่อยๆให้เวลากับพวกเค้าเพื่อไม่ให้เค้าเครียดจนเกินไป, ให้ออกกำลังกายเป็นประจำ การพาพวกเค้าออกกำลังกายโดยการเดิน 15 นาทีต่อวันจะช่วยให้กล้ามเนื้อและระบบการย่อยอาหารของเค้าดีขึ้น และยังช่วยป้องกันปัญหาน้ำหนักเกินที่อาจจะเกิดขึ้นได้อีกด้วย, ลดปริมาณอาหารลงแต่ให้บ่อยมากขึ้น จากเดิมที่สุนัขกินอาหารมื้อใหญ่แค่วันละครั้ง ลองปรับเปลี่ยนเป็นให้อาหารมื้อเล็ก ๆ สองหรือสามมื้อต่อวันแทน โดยให้ในปริมาณเท่าเดิม การทำเช่นนี้จะช่วยเพิ่มการเผาผลาญอาหารของสุนัขได้ดียิ่งขึ้น, ตรวจสุขภาพและฉีดวัคซีนเป็นประจำ การดูแลสุขภาพเหงือกและช่องปากของสุนัขรวมไปถึงการหมั่นสังเกตความผิดปกติต่าง ๆ ของสุนัขอย่างเป็นประจำจะช่วยให้สุนัขลดความเสี่ยงในการเกิดโรคต่าง ๆ ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น หากคุณพบความผิดปกติเพียงแค่นิดเดียว ให้รีบปรึกษาสัตวแพทย์ เพื่อตรวจหาและรีบรักษาได้อย่างเร็วที่สุด

เราทุกคนที่เลี้ยงสุนัขและแมว ก็อยากให้พวกเค้าอยู่กับเราไปนาน ๆ เพราะฉะนั้นอย่าลืมสังเกตอาการพฤติกรรมของสุนัขที่เปลี่ยนแปลงไป เพราะสิ่งเหล่านี้อาจแสดงถึงโรคร้ายต่าง ๆ ที่อาจมาเยือนเมื่อพวกเค้าอายุมากขึ้นค่ะ หากมีความผิดปกติแนะนำให้ปรึกษาสัตวแพทย์ที่ดูแลพวกเค้าอยู่.

ทีมข่าววาไรตี้สัตว์เลี้ยง

คลิกอ่านบทความทั้งหมดได้ที่นี่