เป็นที่ชัดเจนว่ารัฐบาลน.ส.แพทองธาร ชินวัตร จะนำโครงการดิจิทัลวอลเล็ต เฟส 1 แจกเงินสดให้กลุ่มคนเปราะบาง และผู้พิการ เข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 17 ก.ย.67 เพื่อให้ครม.เห็นชอบ แล้วจะโอนเงินสดเข้าสู่บัญชีกลุ่มคนเปราะบาง และผู้พิการ หลังวันที่ 20 ก.ย.นี้ หรืออย่างช้าภายในวันที่ 26-27 ก.ย. 67
แยกเป็นกลุ่มคนเปราะบางที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 12,405,954 คน ผู้พิการ จำนวน 2,149,286 คน รวมคนสองกลุ่มนี้จำนวน 14,555,240 คน หรือมูลค่า 145,552,400,000 บาท
หลังจากนั้นจึงจะถึงคิวโครงการดิจิทัลวอลเล็ต เฟส 2 สำหรับผู้ลงทะเบียนผ่านแอป “ทางรัฐ” ซึ่งมียอดผู้ลงทะเบียนแล้วกว่า 32 ล้านคน และจะหมดเขตลงทะเบียนผ่านแอป “ทางรัฐ” ในวันที่ 15 ก.ย.นี้ โดยจะตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ที่ลงทะเบียนทั้งหมดก่อนประกาศผล
สำหรับกลุ่มที่ไม่มีสมาร์ตโฟน และผู้สูงอายุ จะเปิดให้ลงทะเบียนระหว่างวันที่ 16 ก.ย.-15 ต.ค.67 โดยจะมีเจ้าหน้าที่เข้าไปให้บริการถึงพื้นที่ รวมทั้งสามารถติดต่อผ่านสาขาธนาคารของรัฐได้
คาดว่าดิจิทัลวอลเล็ต เฟส 2 เร็วสุด! จะใส่เม็ดเงินให้กับผู้ลงทะเบียนได้ในเดือนพ.ย.-ธ.ค.67 เพื่อกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย ปลุกกำลังซื้อของประชาชนทุกอำเภอทั่วประเทศในช่วงปลายปี 67 หรืออย่างช้าอาจจะเป็นของขวัญปีใหม่วันที่ 1 ม.ค.68
เมื่อเข้าสู่ปี 68 งบประมาณประจำปีเข้าที่เข้าทางแล้ว เม็ดเงินการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐจะทยอยออกมา รวมทั้งการลงทุนเมกะโปรเจกต์ จะเริ่มเดินหน้าด้วย เช่น โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ที่ล่าช้ากว่า 3 ปี, โครงการแลนด์บริดจ์, โครงการเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์
หรือหากคนไทยโชคดีมากไปกว่านั้น ถ้ารัฐบาล น.ส. แพทองธาร สามารถเจรจาพัฒนาแหล่งพลังงานในพื้นทับซ้อนทางทะเลไทย-กัมพูชา (OCA) บรรลุข้อตกลงระหว่างทั้งสองประเทศโดยเร็ว จะส่งผลบวกทางจิตวิทยาต่อบรรยากาศการค้า การลงทุน และราคาพลังงานด้วย!
โครงการต่าง ๆ จะสำเร็จ! ก็ต่อเมื่อรัฐบาล น.ส.แพทองธารอยู่รอดปลอดภัยจากอุปสรรคขวากหนาม ทั้งในสภา–นอกสภา โดยเฉพาะ “สารพัดเรื่องร้องเรียน” ที่บรรดา “นักร้อง” ไปร้องไว้กับ กกต.-ป.ป.ช.
นี่แหละรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ผ่านการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีกันตามระบบของรัฐสภา ย่อมถูกตรวจสอบ ถูกวิพากษ์วิจารณ์หนักเป็นพิเศษกว่ารัฐบาลที่มาจากการรัฐประหาร
ดังนั้นถ้าประชาชนทั่วไปถึงจุดเดือดต่ำ ขีดความอดทนต่ำกว่าปกติไปกับเขา ไม่ช่วยกันดูแล ไม่ช่วยโอบอุ้มรัฐบาลพลเรือน สุดท้ายอายุของรัฐบาลก็จะสั้น เพราะถูกรัฐประหาร ถูกถอดถอน แล้วก็ถูกจำคุก โดยมีพวกหน้าตาเดิม ๆ ได้ประโยชน์ เข้ามาเป็น “สนช.-สว.-รัฐมนตรี” กันอีก!
รัฐบาลพลเรือนถึงอย่างไรก็สุจริตโปร่งใสกว่า สามารถตรวจสอบได้ วิพากษ์วิจารณ์ได้ สังคมโลกยอมรับ ถ้าออกนอกลู่นอกทางหรือทุจริตก็ติดคุก! แต่รัฐบาลที่มาจากรัฐประหารไม่ได้เป็นอย่างนั้น
“จีที 200-นาฬิกายืมเพื่อน-ขายข้าวดีไปเป็นอาหารสัตว์” และอีกเยอะแยะ ระคายผิวเขาที่ไหนล่ะ!!.
………………………………
พยัคฆ์น้อย