ชีวิตไม่สิ้นก็ต้องดิ้นกันไป.. เรื่องราวสุดรันทดของ “ยายแจ๋ว” วัย 83 ปี หญิงชราพิการหลังค่อม ที่ใครเห็นก็อดสงสารไม่ได้ สงสัยทำไมยายอายุขนาดนี้ ยังต้องมาลำบากเดินกระย่องกระแย่งจับรถเข็นล้อลากพยุงเร่ขายข้าวต้มมัดไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ยิ่งรู้ถึงความลำบากที่ยายต้องเผชิญถึงกับน้ำตาซึม..
“ยายแจ๋ว” หรือ นางอุดม สามารถ อายุ 83 ปี อาศัยอยู่กับ นายเริ่ม สามารถ อายุ 78 ปี ผู้เป็นสามีที่นอนป่วยติดเตียงช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ และ น.ส.ภัทรพร สามารถ อายุ 59 ปี ลูกสาวที่พิการขาสองข้างต้องนั่งรถวีลแชร์ ในบ้านครึ่งตึกครึ่งไม้ 2 ชั้น เลขที่ 514/2 หมู่ 10 ต.นครสวรรค์ตก อ.เมือง จ.นครสวรรค์ “ยายแจ๋ว” ต้องเป็นเสาหลักเลี้ยงดูสามีและลูกสาว แม้กระทั่งในยามที่ตัวเองเหมือนไม้ใกล้ฝั่งจะหมดลมหายใจวันไหนไม่มีใครรู้
ทุกวันตั้งแต่เช้ายันบ่าย ยายแจ๋วกับลูกสาวจะทำข้าวต้มมัด ตามกำลัง ทำได้เพียงวันละ 50 มัด เริ่มจากเตรียมวัดถุดิบ ห่อ มัด และนึ่ง ก่อนที่จะใส่รถเข็นไปตระเวนเร่ขายตามหมู่บ้านใกล้ๆ ไปจนถึงบริเวณตลาดฝั่งตรงข้ามหน้าการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคนครสวรรค์ ยายอดทนทำเพื่อแลกกับกำไรเพียงวันละ 100 กว่าบาท เพื่อนำเงินไปซื้อยา แพมเพิสให้สามี และเป็นค่าใช้จ่ายของ 3 ชีวิตพ่อแม่ลูก
ยายแจ๋ว เล่าว่า สมัยก่อนยายก็ใช้ชีวิตปกติมีความสุขดี อยู่พร้อมหน้ากันในครอบครัว จะมียายกับตา และลูกชายกับลูกสาว ช่วยกันทำมาหากิน พออยู่พอกินมาโดยตลอด แต่ก็ดันเกิดเรื่องกับลูกสาว ตอนนั้นเขาอายุ 45 ปี อยู่ดีๆ ก็ล้มป่วยจนไม่สามารถเดินได้อีก ต้องกลายเป็นคนพิการนั่งรถวีลแชร์ ส่วนสามีก็มาล้มป่วยด้วยโรคไขมันอุดตันเส้นเลือดจนนอนติดเตียง เรียกได้ว่าช่วงนั้นมรสุมชีวิตถาโถมเลยทีเดียว
ส่วนลูกชายก็ลำบาก ไม่มีงานประจำทำ ต้องไปเล่นดนตรีเปิดหมวกตามที่ต่างๆ ซึ่งก็มีรายได้แค่พอเลี้ยงตัวคนเดียวไปวันๆ เท่านั้น ยายจึงต้องดิ้นรนทำขนมข้าวต้มมัด โดยช่วยกันกับลูกสาว และยายไปเดินเร่ขายตามหมู่บ้าน ส่วนลูกสาวก็ช่วยดูแลพ่อที่นอนติดเตียง เช็ดตัว พลิกตัว เปลี่ยนแพมเพิส ให้อาหารทางสายยาง แต่ละวันกว่าจะผ่านไปได้ก็เหนื่อยไม่น้อย ยายคิดว่าเพียงเห็นคนที่เรารักลำบากด้วยกันมายังมีลมหายใจก็พอแล้ว
“แม้ยายจะพิการหลังค่อม ต้องเข็นรถล้อลากช่วยเดิน แต่ยายก็ต้องเดินเร่ขายข้าวต้มมัดให้ไหว เพราะตอนนี้ยายคือคนเดียวของบ้านที่ยังสามารถช่วยเหลือตัวเองและสามารถออกไปขายขนมหาเงินเข้าบ้าน เพื่อใช้จ่ายซื้ออาหาร แพมเพิส และยา ให้กับตาที่นอนป่วยอยู่ ถ้าไม่ทำคงอดตายกันทั้งบ้านแน่ เนื่องจากทุกวันนี้ ทั้งยาย ตา และลูกสาว มีเพียงรายได้เพียงเบี้ยคนพิการจากภาครัฐ รวมกันเดือนละ 3 พันกว่าบาทเท่านั้น”
ยายแจ๋ว ยังบอกอีกว่า ทุกวันยายกับลูกสาวจะทำข้าวต้มมัดกันตั้งแต่เช้าจนถึงบ่ายสองครึ่ง และยายจะใช้รถเข็นล้อลากเดินออกไปเร่ขายตามหมู่บ้านต่างๆ ที่ไม่อยู่ห่างไกลนักไปจนถึงตลาด ส่วนข้าวต้มมัดก็ทำวันละ 50 ชิ้น ขายชิ้นละ 10 บาท ต้องพยายามขายให้หมดทุกวัน แม้ท้องฟ้าจะมืดค่ำ ยายก็ต้องขายให้หมดเพื่อให้เหลือกำไรเอาไว้ใช้จ่าย รวมถึงเก็บเป็นต้นทุนซื้อวัตถุดิบมาทำข้าวต้มมัดในวันต่อไป ต้นทุนทำวันละ 350 บาท ต่อขนม 50 ชิ้น กำไรประมาณ 150 บาท
“บางทียายก็ท้อเหมือนกันเวลาต้องกลับบ้านดึกๆ เพราะขนมยังขายไม่หมด แต่ที่ผ่านมาถือว่าโชคดี เพราะมีลูกค้าดีๆ เขาเห็นยายขายของในสภาพแบบนี้ เขาก็สงสารมาช่วยซื้อกันคนละหลายๆ ชิ้นจนหมด ส่วนเรื่องความเดือดร้อนก็มีทางวัดเอาข้าวสาร อาหารแห้งมาให้ เวลาที่ต้องไปโรงพยาบาลก็มีรถกู้ภัยช่วยรับส่ง ยายขอบคุณทุกคนที่ช่วยเหลือ และไม่อยากขออะไรมาก ขอแค่คนที่เจอยายในช่วงที่ออกขายของ มาช่วยกันซื้อ ช่วยอุดหนุนกันเยอะๆ เพื่อให้ยายมีรายได้เลี้ยงลูกและสามีก็พอแล้ว”
ด้าน น.ส.ชฎาภัทร์ เรืองฤทธิ์ หรือ แอน พลเมืองดีที่ถ่ายคลิปยายแจ๋วมาลงในโซเชียล จนคนเข้ามาดูเป็นจำนวนมาก ได้ฝากวอนขอให้ผู้ที่ผ่านไปมาเมื่อเห็นคุณยายเดินเร่ขาย ช่วยอุดหนุนข้าวต้มมัดกันเยอะๆ หรือจะโทรฯ สั่งข้าวต้มมัดกับลูกสาวคุณยายก็ได้ ที่หมายเลขโทรศัพท์ 08-7200-5711 เมื่อมีออร์เดอร์และมีรถวิ่งรับส่ง คุณยายจะได้ไม่ต้องออกมาเดินเร่ขายให้ลำบาก เสี่ยงกับอุบัติเหตุอีกด้วย.
นิยายชีวิต โดย : อสงไขย
เรื่องและภาพโดย : ชลิต พุ่มเรือง จ.นครสวรรค์
[[คลิก]] อ่านเรื่องราว “นิยายชีวิต” ได้ที่นี่..