เรารู้ดีว่า การเร่งเดินหน้าอย่างรวดเร็วนี้ ย่อมมีความเสี่ยงที่จำนวนผู้ติดเชื้อจะเพิ่มสูงขึ้น แต่ก็เป็นความเสี่ยงที่เราต้องยอมรับ ผมคิดว่าตอนนี้ ประเทศไทยเอง รวมถึงประเทศอื่นๆ ในโลก ต่างก็มีความสามารถในการรับมือกับความเสี่ยงของโควิด-19 ได้ดีขึ้น และเราก็ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับโควิด-19 ให้ได้

เราทุกคนมีบทบาทสำคัญในการช่วยกันลดความเสี่ยงของการแพร่ระบาด ด้วยการการ์ดไม่ตก ผมขอให้ทุกคนยังคงรักษามาตรการทางสาธารณสุข มีวินัยในการสวมหน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือ และรักษาระยะห่างระหว่างบุคคลอยู่เสมอ เพื่อที่เราจะได้เก็บเกี่ยวเรื่องดี ๆ เล็ก ๆ น้อย ๆ จากช่วงเทศกาลวันหยุดสิ้นปีนี้กันได้บ้าง”

เป็นแค่เพียง 2 ย่อหน้าสุดท้าย ที่เขียนอยู่ในเพจเฟซบุ๊ก “ประยุทธ์ จันทร์โอชา” Prayut Chan-o-cha ถึง พี่น้องประชาชนที่รักทุกท่าน เมื่อค่ำวันที่ 21 ต.ค. 64 เพจเฟซบุ๊กนี้มีผู้ติดตามกว่า 1.3 ล้าน และกดถูกใจกว่า 1.2 ล้าน สามารถเข้าไปติดตามชมกันได้ มีทั้งเรื่องราวที่ พล..ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้สื่อสารถึงประชาชน โดยมีผลงานต่าง ๆ และรูปภาพของนายกฯ หลากหลายกิจกรรมเรียกว่าครบเครื่อง

เมื่อได้อ่านบทความชิ้นนี้ ประเด็นใหญ่ที่น่าสนใจ เหมือนต้องการจะสื่อถึงพ่อแม่พี่น้องประชาชน ให้เตรียมพร้อมรับมือกับการเปิดประเทศ วันที่ 1 พ.ย.64 ต้อนรับนักท่องเที่ยวจาก ประเทศความเสี่ยงต่ำกลุ่มแรก 64 ประเทศ ที่สามารถเดินทางเข้าไทยได้ โดยไม่ต้องกักตัว แต่จะต้องเป็น ผู้ที่ฉีดวัคซีนครบโด๊สแล้ว และ มีหลักฐานปลอดเชื้อโควิด-19 มีการตรวจก่อนออกเดินทาง

นอกจากนี้ในบทความยังได้ย้ำ ขอให้ทุกคน การ์ดอย่าตก!! รักษามาตรฐานสาธารณสุข มีวินัยใส่หน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือ รักษาระยะห่างอยู่เสมอ จะว่าไปแล้ว คำพูดมันก็คุ้น ๆ เหมือนช่วงก่อนต้นปี 2564 ที่รัฐบาลพยายามย้ำหนักหนาให้ประชาชนการ์ดอย่าตกมาแล้ว

แต่บทเรียนราคาสุดแสนแพง ที่เพิ่งผ่านมาไม่กี่เดือน ช่วงปลาย มี.ค. ถึงต้น เม.ย. 64 เชื่อว่าเป็นฝันร้ายที่ยังหลอกหลอนชาวไทยคงยังจำไม่ลืม เพราะมันเพิ่งจะผ่านมาไม่กี่เดือนกับ “คลัสเตอร์ทองหล่อ” ทำให้ได้รู้จักโควิดสายพันธุ์อัลฟา (อังกฤษ) แหล่งศูนย์กลางระบาดกลายเป็น กรุงเทพมหานคร มีความเชื่อมโยงมาจาก แหล่งสถานบันเทิงหรู ย่านทองหล่อ กลางเมืองกรุง จนทำให้กลายเป็น ซูเปอร์สเปรดเดอร์ ของการแพร่เชื้อระลอกใหญ่

ข้อมูลช่วงสัปดาห์แรก 1-7 เม.ย. 64 ในกรุงเทพมหานคร มีผู้ติดเชื้อโควิดพุ่งพรวดเป็นหลักร้อย แบบก้าวกระโดด กระจายครบไล่ตั้งแต่ระดับรัฐมนตรี ทูต ข้าราชการระดับสูง บุคคลในแวดวงยุติธรรม กองทัพแทบจะ 4 เหล่าทัพ นอกจากนี้ยังมีกลุ่มคนบันเทิง ทั้งดารานักร้อง นักดนตรี ศิลปินนักแสดง ฯลฯ เดือน เม.ย.-พ.ค. ไทยถูกโควิดสายพันธุ์อัลฟาเล่นงานไม่พอ ถัดมา มิ.ย. 64 คราวนี้มาเจอเชื้อ
กลายพันธุ์เดลตา (อินเดีย) จาก คลัสเตอร์แรงงานต่างด้าว ใจกลางกรุงอีก

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา กลายเป็นวิกฤติใหญ่หลวง ครั้งประวัติศาสตร์ชาติไทย ที่คงต้องบันทึกเอาไว้ให้ลูกหลานรับรู้ตั้งแต่ เม.ย.-ต.ค. 64 ระยะเวลา 6 เดือนเศษ ๆ มีผู้ป่วยสะสม ขยับกว่า 1.8 ล้านคน ผู้เสียชีวิตรายวันราวกับใบไม้ร่วง สะสมมากถึง 1.8 หมื่นคน ส่วนยอดฉีดวัคซีน แม้จะมากกว่า 70 ล้านโด๊ส แต่ภาพรวมฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม ยังอยู่แค่เพียง 39% เท่านั้น

สิ่งที่ประชาชนยังอยากหาคำตอบ จากบทเรียน 2 คลัสเตอร์ใหญ่ที่ผ่านมา จนเป็นชนวนวิกฤติใหญ่หลวงของชาติ ใครทำการ์ดตก ใครต้องรับผิดชอบปัญหาบ้าง? เมื่อไม่มีคำตอบทำให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบได้รวมตัวให้ สมาคมทนายความ ยื่นฟ้อง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการ ศบค. กรณีปล่อยปละละเลยและบริหารผิดพลาด จนเกิดการแพร่ระบาดโรคไวรัสโควิด ถึง 4 ระลอก นอกจากนี้ยังมี ภาคีนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน ร่วมกับ ศูนย์นิติศาสตร์ คณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ กำลังเชิญชวน “ผู้ประกอบกิจการ/อาชีพอื่น ๆ ทุกประเภท” เพื่อเตรียมจะฟ้องดำเนินคดี “แบบกลุ่ม” เอาผิดรัฐบาลด้วย

นับเป็นเรื่องที่น่าจับตามอง เมื่อบริหารงานแล้ว มีผู้ได้รับความเดือดร้อนทั้งป่วยนับล้าน เสียชีวิตนับหมื่น งานนี้ก็คงต้องยอมรับความเสี่ยงจากการถูกฟ้องร้องบ้างเช่นเดียวกัน!!.

——————
เชิงผา