อาการต่อมลูกหมากโตจะมี อาการระคายเคือง ปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะกลางคืน ไม่สามารถกลั้นปัสสาวะได้ และหากเป็นมากขึ้นจะเริ่มมีอาการอุดตัน เช่น ปัสสาวะต้องเบ่ง ปัสสาวะลำเล็กลง ปัสสาวะไม่สุด การรักษามักเริ่มต้นด้วยการรับประทานยาช่วยขยายท่อปัสสาวะส่วนต่อมลูกหมาก ถ้าอาการไม่ดีขึ้นหรือมีภาวะแทรกซ้อน เช่น ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะบ่อย ๆ มีนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ ภาวะไตทำงานลดลง คงต้องรักษาด้วยการผ่าตัด ซึ่งมีหลายวิธีในปัจจุบัน ซึ่งวิธีการรักษาอาการต่อมลูกหมากโตไม่ได้ช่วยทำให้ผู้ป่วยต่อมลูกหมากโตที่มีอาการอีดีสามารถมีการแข็งตัวขององคชาตเต็มที่ และถึงจุดสุดยอดได้ จึงทำให้ผู้ป่วยกลุ่มดังกล่าวบางรายไม่สามารถร่วมเพศได้อย่างปกติ บางรายต้องงดกิจกรรมทางเพศไปเลย หากเกิดกับชายที่ภรรยายังมีความต้องการทางเพศอยู่ก็คงจะเป็นปัญหาไม่ใช่น้อย หากไม่ได้รับการฟื้นฟูที่ดีก็สามารถส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ในครอบครัวได้
ปัจจุบันมีการศึกษาใช้ยากลุ่มพีดีอี 5 ไอชนิด 36 ชั่วโมง ซึ่งมีฤทธิ์อยู่ได้นานมาใช้รักษาภาวะต่อมลูกหมากโต (บีพีเอช) กับอาการอีดีได้ โดยการใช้ยาในขนาด 5 มิลลิกรัม วันละครั้ง ติดต่อกันนาน 12 สัปดาห์ ในผู้ป่วยชายที่เป็นบีพีเอช 511 ราย ในจำนวนนั้นมีผู้ที่เป็นอีดี 310 ราย ผลจากการศึกษาพบว่ากลุ่มที่ได้รับยาพีดีอี 5 ไอชนิด 36 ชั่วโมง มีคะแนนไอไออีเอฟในข้อ 9 หมวดที่ว่าสามารถหลั่งน้ำอสุจิได้เพิ่มขึ้น และไอไออีเอฟข้อที่ 10 หมวดที่ว่าสามารถถึงจุดสุดยอดได้เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน เมื่อเทียบกับยาที่ใช้รักษาอาการต่อมลูกหมากโตกลุ่มแอลฟาบล็อกเกอร์ ซึ่งมีคะแนนไอไออีเอฟลดลงทั้งข้อ 9 และ 10
นอกจากนี้แล้วยากลุ่มพีดีอี 5 ไอชนิด 36 ชั่วโมงทำให้องคชาตแข็งตัวเต็มที่สามารถร่วมเพศได้อย่างปกติ จากการศึกษาจึงเห็นว่ายากลุ่มพีดีอี 5 ไอชนิด 36 ชั่วโมง สามารถรักษาอาการต่อมลูกหมากโตได้พร้อมกับทำให้ผู้ป่วยกลุ่มดังกล่าวที่มีอาการอีดีสามารถหลั่งน้ำอสุจิและถึงจุดสุดยอดได้ รวมทั้งการมีเพศสัมพันธ์ องคชาตแข็งตัวและมีความสุข พึงพอใจดีขึ้นมากทั้งหมด ปัจจุบันยากลุ่มนี้ได้รับอนุญาตให้ใช้รักษาภาวะต่อมลูกหมากโต (บีพีเอช) กับองคชาตอ่อนตัวหรืออีดีแล้ว ยากลุ่มพีดีอี 5 ไอชนิด 36 ชั่วโมงสามารถช่วยฟื้นฟูอาการอีดีในผู้ป่วยที่มีภาวะต่อมลูกหมากโตได้เป็นอย่างดี.
…………………………………..
ดร.อุ๋มอิ๋ม