นายกรัฐมนตรี “แพทองธาร ชินวัตร” ได้ประกาศไว้ชัดเจนว่า ในวันที่ 12 ธ.ค.นี้ จะประกาศผลงานของรัฐบาลในช่วง 100 วัน พร้อมเตรียมแจกของขวัญปีใหม่ประจำปี 68 ให้กับประชาชนคนไทยทั้งประเทศ รวมไปถึงแผนการทำงานของรัฐบาลในปีถัดไป เพื่อให้บรรลุเป้าหมายดั่งที่ได้แถลงนโยบายต่อที่ประชุมรัฐสภาไว้เมื่อวันที่ 12 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทิ้งท้ายด้วยคำกล่าวที่ว่า…การสร้างโอกาสอย่างเท่าเทียม ทำให้คนไทย มีกิน มีใช้มีเกียรติมีศักดิ์ศรี เพื่อนำพาความภาคภูมิใจกลับมาสู่คนไทย และประเทศไทย เพื่อสร้างความหวังและอนาคตที่ดีกว่าให้ประเทศไทย จากวันนี้ไปถึงอนาคต”

10นโยบายเร่งด่วน

ที่ผ่านมา!! นายกฯแพทองธาร ได้แถลงนโยบายเร่งด่วน 10 ข้อต่อที่ประชุมรัฐสภา มีทั้งการปรับโครงสร้างหนี้ทั้งระบบ โดยเฉพาะกลุ่มสินเชื่อบ้าน และรถยนต์, การดูแลส่งเสริม ปกป้องผลประโยชน์ผู้ประกอบการไทยโดยเฉพาะเอสเอ็มอี, การเร่งออกมาตรการลดราคาพลังงาน และสาธารณูปโภค, การสร้างรายได้ใหม่ของรัฐ นำเศรษฐกิจนอกระบบภาษีและเศรษฐกิจใต้ดินเข้าระบบภาษี 

นอกจากนี้ยังมีเรื่องของการเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจ บรรเทาภาระค่าใช้จ่าย ให้ความสำคัญกลุ่มเปราะบางเป็นลำดับแรก ผลักดันดิจิทัลวอลเล็ต, การยกระดับทำเกษตรทันสมัยใหม่, การเร่งส่งเสริมการท่องเที่ยว, การแก้ปัญหายาเสพติดอย่างเด็ดขาด, การเร่งแก้ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ และอาชญากรรมข้ามชาติ และสุดท้าย คือการส่งเสริมศักยภาพ สวัสดิการสังคม สร้างความเท่าเทียมทางโอกาส และเศรษฐกิจ โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง

อานิสงส์ “เศรษฐา”

อย่างไรก็ตามนโยบายสำคัญของรัฐบาลแพทองธาร ที่เกิดขึ้นในช่วง 3 เดือนแรกนั้นก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ได้รับอานิสงส์ต่อเนื่องมาจากรัฐบาลของ นายเศรษฐา ทวีสิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ที่ปลุกปั้น ล้มลุกคลุกคลาน มาตลอดจนสุดท้าย!! จากเดิมที่ยืนหยัดหนักแน่นจากการแจกเงินผ่านระบบวอลเล็ต แปรเปลี่ยนไปเป็นการแจกเงินสดแทน หลังหลายฝ่ายต่างแสดงความห่วงใย โดยการประชุมนัดแรกของรัฐบาลก็ไฟเขียวแจกเงินสดหนึ่งหมื่นบาทให้กลุ่มเปราะบาง 14.5 ล้านคนทันที

ถัดมาในการประชุมคณะกรรมการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งแรก เมื่อวันที่ 19 พ.ย. 67 นายกฯแพทองธาร ก็เคาะมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจลอตใหญ่ครบวงจรเน้น “เพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย แก้หนี้ประชาชน กระตุ้นลงทุน” โดยมีการแจกเงินสดหมื่นบาทให้กับกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการแจกเงินดิจิทัลผ่านแอปทางรัฐไว้ก่อนหน้านี้ที่คาดว่าจะมีไม่เกิน 4 ล้านคนโดยจะดำเนินการให้ได้ก่อนวันตรุษจีนในช่วงปลายเดือน ม.ค. ปี 68 

แก้หนี้-เร่งดึงลงทุน

รวมทั้งยังเห็นชอบในหลักการมาตรการแก้ หนี้ครัวเรือน ให้กับกลุ่มที่เป็นหนี้เสียไม่เกิน 1 ปี วงเงินรวมกันกว่า 1.2-1.3 ล้านล้านบาท ทั้งในส่วนของหนี้บ้าน หนี้รถยนต์และหนี้เอสเอ็มอี โดยจะให้พักจ่ายดอกเบี้ย 3 ปี ซึ่งในรายละเอียดทั้งหมด “พิชัย ชุณหวชิร” รองนายกฯและรมว.คลัง พร้อมด้วย รมช.คลัง จะควงคู่กับ “เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ” ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พร้อมด้วยผู้บริหารของสถาบันการเงินทั้งของรัฐและเอกชน จะร่วมกันแถลงเปิดรายละเอียดในวันที่ 11 ธ.ค.นี้ เรียกว่า… เป็นการเปิดข้อมูลให้ชัดเจนก่อนนายกฯจะแถลงผลงาน เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดหรือเข้าใจผิด

นอกจากนี้ในเรื่องของการดึงดูดการลงทุน โดยเฉพาะในเรื่องของดาต้าเซ็นเตอร์ในไทย ที่สามารถดึงดูดบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Alphabet และ Google ให้เข้ามาประกาศความร่วมมือลงทุน ดาต้าเซ็นเตอร์ ในไทยอย่างเป็นทางการ มูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ  รวมทั้งการประกาศความร่วมมือในการพัฒนาและยกระดับในเรื่องของเอไอในไทย กับยักษ์ใหญ่อย่าง “Nvidia” ที่ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงไว้กับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) และยักษ์ใหญ่ภาคเอกชนอีกหลายแห่ง

ท่องเที่ยว-30บาทฯ

เช่นเดียวกับนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ ที่ต่อยอดจาก 30 บาทรักษาทุกโรค ได้ขยายครอบคลุมกรุงเทพฯ เป็นจังหวัดที่ 46 พร้อมตั้งเป้าหมายขยายพื้นที่ต่อเนื่องจนครบทุกตารางนิ้วทั่วประเทศไทยภายในปี 67 นี้อีกต่างหาก หรือแม้แต่โครงการกระตุกกระตุ้นเรื่องของการท่องเที่ยวเพื่อสร้างรายได้ให้กับประเทศ โดยเฉพาะมาตรการวีซ่าฟรีสำหรับนักท่องเที่ยวจีนและอินเดีย ที่ได้รับเสียงตอบรับดีจากธุรกิจท่องเที่ยว โดยเฉพาะผู้ประกอบการโรงแรม ร้านค้า และบริการอื่น ๆ แม้ผลงานเหล่านี้จะต่อเนื่องมาจากรัฐบาลก่อนหน้านี้ก็ตาม รวมไปถึงการคุมราคาสินค้าและพลังงาน เช่น ค่าไฟฟ้าและก๊าซหุงต้ม ไม่ให้ขึ้นตามต้นทุนที่แท้จริง หรือแม้แต่การปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำในบางกลุ่ม การออกโครงการ แอ่วเหนือคนละครึ่ง มาตรการเฉพาะหน้าที่ออกมาเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในพื้นที่ภาคเหนือ หลังจากประสบอุทกภัยอย่างหนัก เป็นต้น

มาตรการช่วยชาวนา

ในแง่ของเกษตรกร ก็มีให้เห็นเช่นกันแม้เป็นมาตรการเดิม ๆ อย่างการรักษาสถียรภาพราคาข้าวเปลือก ภายใต้วงเงินงบประมาณ 50,000 ล้านบาท การลดต้นทุนให้ชาวนาด้วยโครงการ ’ไร่ละพัน“ การดูแลชาวไร่อ้อย การส่งเสริมและสนับสนุนให้ตัดอ้อยสด ไม่มีการเผาไร่อ้อย การกวาดล้างกระบวนการโกงออนไลน์ที่นับวันบรรดามิจฉาชีพก็มีเพิ่มมากขึ้นและเปลี่ยนรูปแบบการหลอกลวงอยู่ตลอดเวลาเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกจับกุม หรือแม้แต่การเร่งปราบปรามในเรื่องของยาเสพติด การสนับสนุนให้ผ่านร่างกฎหมายการสมรสเท่าเทียม เพื่อสร้างความเท่าเทียมให้กับทุกเพศสภาพ และอีกหลายสิ่งหลายมาตรการ

จะว่าไปแล้วผลงานของรัฐบาลแพทองธาร ในช่วง 3 เดือน ก็มีอะไรให้เห็นเป็นรูปเป็นร่างไม่น้อย แม้ได้แต้มบุญมาจากรัฐบาลก่อนหน้าก็ตาม แต่ก็ต้องยอมรับว่ารัฐบาลแพทองธาร เข้าสู่อำนาจด้วยความคาดหวังสูงจากประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากการหาเสียงที่เน้นนโยบายเชิงรุกเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและลดความเหลื่อมล้ำ มาตรการหลากหลายที่ออกมาที่สะท้อนถึงความตั้งใจในการสร้างผลกระทบเชิงบวกในระยะสั้น แต่การบริหารงานก็ยังมีความท้ายทายที่รออยู่อย่างมากมายโดยเฉพาะในเรื่องของความกังวลด้านเสถียรภาพการคลัง ที่ล่าสุดมีการโยนหินถามทางในเรื่องของการปรับโครงสร้างภาษี ทั้งการขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม การลดภาษีรายได้นิติบุคคลเหลือเพียง 15% รวมทั้งภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่ควรมีอัตราเดียวที่ 15% 

ระยะยาวยังไม่ชัดเจน

ผลงานรัฐบาลแพทองธารในช่วง 100 วันแรกสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนของประเทศ แต่ความสำเร็จของรัฐบาลในระยะยาวจะขึ้นอยู่กับความสามารถในการบริหารจัดการนโยบายเชิงโครงสร้าง ความยั่งยืนของงบประมาณ และการสร้างสมดุลระหว่างผลประโยชน์ระยะสั้นและการพัฒนาในอนาคต 

นอกจากนี้ยังมีเรื่องของความล่าช้าในการดำเนินนโยบายระยะยาว โดยเฉพาะการออกกฎหมายเพื่อส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมใหม่ ยังไม่ได้รับความคืบหน้า โดยเฉพาะความชัดเจนในการลดขั้นตอนทางราชการและเพิ่มความโปร่งใส ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนใช้ในการประเมินความน่าเชื่อถือของรัฐบาล

หากรัฐบาลสามารถตอบสนองต่อข้อกังวลเหล่านี้ได้ การเลือกตั้งในปี 70 โอกาสในการคว้าชัยชนะก็อยู่ไม่ไกล แต่!! จะทำได้มากน้อยเพียงใด นี่สิที่ต้องรอคำตอบ!!.