ในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมาพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)ดูเสมือนว่าจะเจอมรสุมทางการเมือง ที่พุ่งเป้าไปที่ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค เป็นพิเศษ หลังถูกมองว่าเป็นต้นเหตุของการทำ “นิติสงคราม” สู้กับรัฐบาลเพื่อไทย วันนี้ “คอลัมน์ตรวจการบ้าน” ต้องมาสนทนากับ “ซามูไรด้านกฎหมาย” ไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรค พปชร.วิเคราะห์สถานการณ์ทางการเมืองของพรรคในขณะนี้

โดย“เลขาธิการพรรค พปชร.” ยืนยันว่า  พรรค พปชร.ไม่เคยทำอะไรแบบนั้นในเรื่องนิติสงคราม พรรค พปชร.ไม่เคยไปฟ้องร้องอะไร ไม่ได้ดำเนินการอะไร แต่ที่ปรากฏเป็นข่าวเพราะอาจจะมีสมาชิกของพรรค คือ คุณเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ซึ่งก็เป็นการทำในนามส่วนตัวไม่ได้ทำในนามพรรค เป็นเพียงแค่สมาชิกพรรคคนหนึ่งเท่านั้นเอง ดังนั้นก็ไม่ได้มีอะไรที่จะต้องไปพูดถึงมากนัก

@ มีการมองกันว่ากรณีนายเศรษฐา ทวีสิน หลุดจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ก็มาจากกลุ่ม สว.ที่ใกล้ชิดกับ “บ้านป่ารอยต่อ”

เป็นเรื่องที่พูดกันไปตั้งนานแล้ว ซึ่งความจริงแล้ว สว. ก็พูดชัดเจนว่าทำในนามของกลุ่มพวกเขา ไม่มีอะไรที่พรรคเข้าไปเกี่ยวข้องเป็นเรื่องของสว.ที่มีหน้าที่ในการตรวจสอบ กรณีของนายพิชิต ชื่นบาน  ปมถุงขนม ขาดคุณสมบัติรัฐมนตรี ตรงนี้ก็เป็นไปตามคดีและเป็นไปตามคำพิพากษาฎีกา ที่มีปัญหาในเรื่องของคุณสมบัติ ถึงแม้จะไม่ใช่กลุ่มสว.ไปร้อง

แต่ถ้ามีบุคคลใดบุคคลหนึ่งไปร้องก็คงต้องโดน เนื่องจากเป็นความเห็นของศาลรัฐธรรมนูญซึ่งท่านก็มีดุลยพินิจเพียงแค่ว่าทางสว.เป็นผู้เข้าชื่อยื่นเป็นไปตามกฎหมายตามที่รัฐธรรมนูญเปิดช่อง ให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมายทั้งสิ้น แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผมยืนยันว่าไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับพรรค พปชร.

ส่วนที่พรรค พปชร.ยื่นมีเรื่องเดียว คือเรื่อง เอ็มโอยู 44 อย่างน้อยก็จะเห็นว่าการดำเนินการจัดตั้งคณะกรรมการร่วมเทคนิคอะไรต่างๆ ก็ช้าลง ทางรัฐบาลโดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ก็ค่อนข้างกังวลกับเรื่องนี้ ซึ่งก็ควรจะกังวลเพราะว่ามันมีปัญหาจริงๆ  แต่ผมว่าถ้าท่านหยุดหรือกลับมาดำเนินตามแนวที่พปชร.เสนอ ผมเชื่อว่าเป็นเรื่องดี แต่ถ้ายังฝืนต่อไปจะกลายเป็นอย่างที่นักวิเคราะห์ เขาวิเคราะห์กันเสมอว่ารัฐบาลนี้จะอยู่ไม่ถึงปี

 @ สาเหตุที่พรรคตกเป็นเป้าที่ไปโจมตีรัฐบาลเพราะพล.อ.ประวิตร  ยังเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี

ไม่เกี่ยวกันตรงนี้คงเกิดจากผลงานที่เราทำหน้าที่ค้านอย่างมีประสิทธิภาพเพราะจะเห็นได้จากทีมนโยบายของพรรคไม่ว่าจะเป็น อ.ธีระชัย  ภูวนาถนรานุบาล อดีตรมว.คลัง  ประธานกรรมการด้านวิชาการ  มล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี  ที่ออกมาคัดค้านในเรื่องเอ็มโอยู 44 มีวิธีการนำเสนอที่ชัดเจนดีกว่าทุกพรรคการเมืองที่ผ่านมา ที่อาจจะไม่ได้มีนโยบายนี้

แต่พรรคพปชร.มีนโยบายชัดเจนว่าเรามีความเห็นว่าต้องยกเลิกเอ็มโอยู 44 เพราะเอ็มโอยู 44 เป็นปัญหาแน่ในเรื่องของเขตแดนอธิปไตยของไทย เราคิดว่าจะต้องมีกระบวนการที่ให้มีการยกเลิกแล้ว ถึงค่อยมีการเจรจา เรื่องเขตอธิปไตยทางทะเลกันต่อว่าเหลือเท่าไหร่แล้วถึงค่อยไปแบ่งผลประโยชน์ ซึ่งเป็นเหตุเป็นผลที่ถูกต้องตามหลักการ ซึ่งการนำเสนอของ “ศูนย์นโยบายพรรคพลังประชารัฐ” อาจจะมีความเข้มแข็งและนำเสนอข้อมูลที่ครบถ้วนอย่างที่ไม่เคยมีปรากฏมาก่อน ว่ามีพรรคการเมืองไหนนำเสนอได้อย่างเป็นระบบและเป็นรูปธรรมเช่นนี้มาก่อนพรรคพปชร.ทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างเต็มที่ และมีประสิทธิภาพ เป็นการทำงานฝ่ายค้านเชิงรุก ในเชิงวิชาการ ทุกอย่างที่เราค้านหรือนำเสนอต่อสังคม ล้วนแล้วแต่ประกอบด้วยองค์ความรู้ทั้งสิ้น

@ ส่วนบทบาทในสภาฯ ทำงานร่วมกับฝ่ายค้านอย่างพรรคประชาชนได้หรือไม่

สส.พปชร.พร้อมที่จะร่วมมือกับทางพรรคฝ่ายค้าน แต่ในส่วนอุดมการณ์ที่สำคัญๆของพรรคพลังประชารัฐและพรรคประชาชน ไม่ตรงกันอันนั้นก็เป็นเรื่องปกติมาก ของพรรคการเมือง พรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันเองก็ยังอุดมการณ์ไม่ตรงกันเลย

อย่างไรก็ตามหากต้องมีการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ พรรค พปชร.ก็พร้อม แต่เราก็มีประเด็นค้านแบบของเราในเอกลักษณ์ของพรรคพปชร. ส่วนพรรคประชาชนก็คงจะมีประเด็นค้านแบบพรรคประชาชน แยกกันอิสระทั้งพรรค ทั้ง สส. แต่เป้าหมายก็คือนำเสนอประเด็นที่จะค้านและเป็นประโยชน์กับประชาชนทั้งนั้น

 โดยพรรค พปชร.เราก็เชื่อมั่นว่า สส.เราจะนำเสนอได้อย่างมีประโยชน์และมีน้ำหนัก ซึ่งตอนนี้ สส.ก็ทำงานร่วมกับทางศูนย์นโยบายของพรรค และทำให้มีองค์ความรู้ มีข้อมูล มีฐานข้อมูลเพียงพอที่จะอภิปราย สร้างให้เกิดสีสันขึ้น และมีพลังที่ทำให้รัฐบาลต้องรับฟัง

@ ตอนนี้หัวหน้าพรรคเจอมรสุม โดนสกัดหลายๆ จุด ในฐานะคนใกล้ชิดพล.อ.ประวิตร รู้สึกถอดใจบ้างหรือไม่ เพราะมีข่าวลือว่าบารมี “คนบ้านป่า” หมดลงแล้ว

ท่านหัวหน้าพรรคไม่มีเลยเรื่องการถอดใจ ข่าวลือก็มาจาก “ผู้ไม่หวังดี” ก็คิดว่าตัวเองพูดไปแล้ว มันก็จะเหมือนเป็นการพูดชี้นำและจะทำให้เกิดอย่างนั้น แต่ว่าสิ่งที่พูดมันไม่จริง ทุกอย่างพิสูจน์กันได้ ก็รอดูต่อไป

โดยเฉพาะรอดูในตอนเลือกตั้ง ในวันเลือกตั้ง ในวันที่จะสมัครเลือกตั้ง พรรค พปชร.ก็จะมีความพร้อมที่จะเข้าสู่การเลือกตั้ง เราพร้อมเสมอ รัฐบาลนี้ไม่ต้องมาขู่ว่าจะยุบสภา ผมอยากให้ยุบเร็วๆ แต่ถ้าท่านยุบช้าก็ไม่เป็นไร ยุบเมื่อไรเราก็พร้อมสำหรับการเลือกตั้ง

@ ยืนยันหรือไม่ว่าเลือกตั้งครั้งหน้า พล.อ.ประวิตร ยังเป็นหัวหน้าพรรค พปชร.

“ผมมั่นใจ พล.อ.ประวิตร พร้อมที่จะลงสมัคร และท่านพร้อมจริงๆ พร้อมทุกด้าน ทั้งจิตใจ ทั้งสุขภาพท่านก็ดีขึ้น อารมณ์ท่านก็ดี เมื่อท่านได้อยู่กับเรื่องของการที่ดูแล สส.ให้ไปช่วยเหลือประชาชน พอมีประชาชนเดือดร้อน เช่น ภาคใต้ ท่านก็สั่งการให้มีการไปช่วยเหลือทันทีเลย ท่านไม่ได้ต้องมาอ้อยอิ่งอะไรเลย ถ้าชาวบ้านเดือดร้อนท่านลงมือช่วยเลย และช่วยอย่างเต็มที่ด้วย”

ส่วนการเลือกตั้งครั้งหน้าถึงแม้จะไม่มี 20 สส.ในกลุ่มของร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า  เราก็จะได้ สส.เพิ่มอีกมาก น่าจะเพิ่มมากกว่าที่มีอยู่เดิมก็คือ 40 คน ถึงจะไม่มีกลุ่มนี้อยู่แล้ว เราก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร

เราในที่นี้หมายถึงท่านหัวหน้า ซึ่งทั้งจำนวน สส.และผู้สมัคร หัวหน้าพรรคเป็นผู้ดูแลเอง โดยอาจจะมอบหมายบางส่วนให้รองหัวหน้าพรรคเป็นผู้ดูแล ส่วนผมก็ทำหน้าที่เป็นฝ่ายเลขาช่วยประสานงานสนับสนุนในทุกด้าน รวมทั้งด้านกฎหมาย และด้านต่างๆ เราก็จะดำเนินการให้พรรคอยู่ในกรอบของกฎหมาย

ส่วนความชอบความนิยมของประชาชนเราเน้นที่ สส.จะต้องลงพื้นที่ โดยพล.อ.ประวิตรก็เอาใจใส่เรื่องนี้อยู่แล้ว อย่าไปฟังคำข่าวลือ ข่าวแซะ ข่าวยุแยงอะไรต่างๆ มันไม่เป็นความจริงสักอัน.

อ่านบทความทั้งหมดที่นี่…