หัวค่ำวันพุธที่ 11 ธ.ค. เพียงไม่กี่ชั่วโมง ก่อนที่ นายกฯ อิ๊งค์-แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะแถลงผลการดำเนินงานของรัฐบาลรอบ 3 เดือน เกิดคดีอาชญากรรมสะเทือนขวัญ ส่งท้ายปี 2567ก็ว่าได้ สจ.โต้ง หรือ นายชัยเมศร์ สิทธิสนิทพงศ์ อายุ 48 ปี ถูกกระหน่ำยิงร่างพรุน จบชีวิตเชิงบันได ภายในบ้านหรูของ โกทร-สุนทร วิลาวัลย์ อายุ 84 ปี นายก อบจ.ปราจีนบุรี อดีต รมช.สาธารณสุข และยังเป็นบิดาของ นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ อดีต รมช.ศึกษาฯ

สจ.โต้ง นอนสิ้นใจจมกองเลือด กลางบ้านใหญ่ปราจีนบุรี แทบจะกลบข่าวนายกฯอิ๊งค์ แถลงนโยบาย เพราะทั้งผู้ตายและเจ้าของบ้านต่างมีชื่อเสียง สจ.โต้ง ถือเป็นลูกบุญธรรมโกทร ส่วน 2 มือปืนก่อเหตุ เป็นลูกน้องในบ้านโกทร ถูกตำรวจรวบตัวได้ทันที เบื้องต้นอ้างเหตุบันดาลโทสะ เพราะเคยมีปัญหาบาดหมางกับ สจ.โต้ง มาก่อน
แม้จะจับกุมมือปืน-บุคคลในบ้าน และโกทร รวม 7 คนดำเนินคดีชุดแรก นำตัวส่งฝากขังในเรือนจำ คัดค้านประกันตัว แต่ บิ๊กต่าย–พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ยังมอบหมาย พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร.ลงไปเกาะติดพื้นที่ ระดมกำลังกองปราบฯ-สืบสวน ภาค 2 –ภ.จว.ปราจีนฯ เปิดปฏิบัติการยุทธการล้างบางมาเฟียปราจีนฯ
เหตุการณ์สังหาร สจ.โต้ง ทำให้สังคมไทยมีโอกาสฟัง “คลิปเสียง” สนทนาดุเดือดของ สจ.โต้ง กับ โกทร ปะทะคารมกันเสียงดัง ถูกปล่อยออกมาถึง 3 คลิปนานกว่า 20 นาที ชนวนใหญ่ปมปัญหา การลงสมัครชิงเก้าอี้ นายกอบจ.ปราจีนบุรี ถึงขั้นมีเอ่ยปากขู่ฆ่ากัน ก่อนจะร่ายยาวไปอีกหลายเรื่อง ทำให้พอจะมองเห็นภาพ การเมืองท้องถิ่นโยงใยระดับประเทศ อำนาจ–บารมี–เงินตรา เริ่มจากตำบล อำเภอ สู่จังหวัด แล้วจึงขยับขึ้นระดับชาติ แทบจะ “ฮั้ว” เป็นเครือข่ายเดียวกันหมด

ก่อนหน้านี้ ยุค คสช.ทหารยึดอำนาจ อาสาปฏิรูปจะคืนความสุขให้กับคนในชาติ ก็มี นโยบายปราบปรามผู้มีอิทธิพลในประเทศ คุมอำนาจยาว 8-9 ปีผ่านไปทุกอย่างกลับสู่วังวนเดิม มีนิยามคำว่า “ผู้มีอิทธิพล” ที่จะเข้าข่ายการดำเนินการของกระทรวงมหาดไทยนั้น ต้องมี 2 องค์ประกอบ 1. เป็นบุคคลที่กระทำ หรือสั่งการให้มีการละเมิด โดยใช้อำนาจ เงิน ตำแหน่งหน้าที่การงาน ฐานะทางสังคม หรือสิ่งอื่นใด ในการไปคุกคาม กดขี่ ข่มเหง หรือรังแกให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน ทั้งทางร่างกาย จิตใจ เสรีภาพ ชื่อเสียง รวมถึงทรัพย์สิน
2. เป็นบุคคลที่ กระทำความผิด 16 มูลฐาน โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระบุถึงพฤติการณ์ที่เข้าข่าย อาทิ ฮั้วประมูลงานราชการ, เปิดบ่อนการพนัน, ลักลอบค้าประเวณี,นายทุนปล่อยเงินกู้นอกระบบ, ลักลอบนำคนเข้า–ออกประเทศโดยผิดกฎหมาย, มือปืนรับจ้าง, ลักลอบค้าอาวุธสงคราม–ปืนเถื่อน, บุกรุกที่ดินสาธารณะ–ทำลายทรัพยากรธรรมชาติ,เรียกรับผลประโยชน์บนเส้นทางหลวงสาธารณะ และ ผู้มีอิทธิพลที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ฯลฯ
ไล่เรียงดูจาก 16 มูลฐานเข้าข่าย ผู้มีอิทธิพล จึงไม่ใช่เรื่องแปลก!! ถ้าจะมี บรรดานักเลง เจ้ามือหวยเถื่อน พนันออนไลน์ เจ้าพ่อ ฯลฯ ใช้สูตร “ฟอกขาว“ ตัวเองหนีเงื้อมมือกฎหมาย ด้วยวิธีเข้า สู่สนามการเมือง สั่งสมบารมีจากท้องถิ่น ขยับขึ้นระดับชาติ ใส่สูทกลายเป็น ’ผู้ทรงเกียรติ’ ได้ครบถ้วนอำนาจ-บารมี-เงินตรา แถมเอกสิทธิ์คุ้มครองให้อีก

นายกฯอิ๊งค์ เพิ่งมอบนโยบาย ปี 2568 จากผลงานที่เป็นรูปธรรม สู่อนาคตที่ทำได้จริง หากถือโอกาสปราบปราม “ผู้มีอิทธิพล” ตอนนี้เหล็กกำลังร้อน ๆ ต้องรีบตี กวาดล้างจริงจังเข้มข้น พร้อมงัดไม้เด็ด มาตรการ “ยึดทรัพย์” มากำราบอีกครั้ง มิเช่นนั้นความหวังของนโยบายฯ สู่อนาคตที่ทำได้จริง อาจเป็นแค่เพียงลมปากเหมือนเดิม ๆ!!.
……………………………………….
เชิงผา