ปัญหาการตัดสินเป็นนโยบายต้นๆ ที่สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ยุค “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ พยายามแก้ไข

การใช้ VAR ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่ยุค “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง จนเป็นชาติแรกของอาเซียน มาถึงยุคนี้ พยายามพัฒนาให้ชัดเป๊ะขึ้น

ล่าสุด สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ร่วมกับ บริษัท ไทยลีก จำกัด นำ VAR Cross Hair 3D มาใช้แบบเต็มระบบ เป็นชาติแรกของอาเซียน

เป็นไปตามนโยบายของ นวลพรรณ ล่ำซำ นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ที่ต้องการให้เกิดความยุติธรรมในฟุตบอลลีก โดยเฉพาะไทยลีก 1 รวมถึงไทยลีก 2 ที่เริ่มใช้ในบางคู่ที่ต้องเป็นไปตามมาตรฐานของฝ่ายจัดการแข่งขันกำหนด

VAR Cross Hair 3D คือระบบที่สามารถช่วยเพิ่มความชัดเจนในการจับล้ำหน้า และมีการตีเส้นที่ชัดเจนเหมือนกับในฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ

นำมาใช้เคสแรก จากไทยลีกแมตช์เดย์ 16 คู่ ระยอง เอฟซี พบ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ที่ ดับบลิวเอชเอ ระยอง สเตเดียม เมื่อวันที่ 12 ม.ค.68 นาทีที่ 87 ที่ เอกชัย สำเร เปิดฟรีคิกให้ บรูโน คานตานเฮเด โหม่งจังหวะแรกไปชนคาน ก่อนที่ อมานี อกีนัลโด จะยิงซ้ำเข้าไป

จังหวะนี้ต้องการเช็คระนาบของลูกบอล ในจังหวะที่ บรูโน โหม่ง ว่า อกีนัลโด อยู่ในตำแหน่งที่ล้ำลูกบอลตามกฎของ IFAB เรื่องจังหวะล้ำหน้าหรือไม่ ซึ่งระบบ 3D ได้แสดงให้เห็นว่า เข่าซ้ายของ อกีนัลโด ที่ยื่นออกมามากที่สุด ไม่ได้ล้ำหน้าออกไป

เทียบกับระบบเก่าที่เป็น 2 มิติ จะสามารถทำได้แค่การวางจุดตรงปลายเท้าเท่านั้น

นอกจากนี้ ทางฝ่ายพัฒนาผู้ตัดสิน ได้มีการประสานงานกับไทยลีก อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถใช้ระบบ VAR Light อย่างเต็มระบบใน ไทยลีก 2 ให้ได้จำนวนแมตช์ต่อแมตช์เดย์มากที่สุด โดยปัจจุบัน อยู่ในระหว่างการทดสอบแต่ละสนาม สนามละ 1 ครั้ง คาดว่าจะครบหมดภายในช่วงเดือนมี.ค.68

VAR Light ก็คือรุ่นหนึ่งของ VAR โดยในไทยลีก 1 ที่ใช้คือ Hawkeye ส่วน VAR Light ยี่ห้อ Liquor ซึ่งจำนวนมุมกล้องน้อยกว่า

พูดง่ายๆคือ VAR Light ของไทยลีก 2 จะละเอียดน้อยกว่าไทยลีก 1

นับเป็นความพยายามของ สมาคมบอลไทย ยุคมาดามแป้ง ที่สร้างความโปร่งใส

VAR นำมาตัดสินจังหวะสำคัญ เป็นประตู, ใบแดง เมื่อเกิดเหตุการณ์แล้วมาดูกันชัดๆ ได้

แต่จังหวะทั่วไปที่ VAR แทรกแซงไม้ได้ ฟาวล์นิด ฟาวล์หน่อย หรือแม้แต่คาดโทษใบเหลือง ซึ่งอาจนำไปสู่ใบแดง ยังเป็นเรื่องของ “คุณภาพผู้ตัดสิน” แบบเต็มๆ

อาจดูเล็กๆ น้อยๆ แต่หากพลาดบ่อยๆ เอียงไปทางเดียว สะสมไปเรื่อยๆ มันก็เกิดผลใหญ่โตได้ ชี้ผลแข่งขันได้

อันนี้ยากกว่า ใช้เงินซื้อไม่ได้ ต้องสร้าง ต้องแก้ไขคุณภาพของผู้ตัดสินเอาเอง

ที่ผ่านมาก็พยายามปรับปรุงดี ทั้งการจับสลากรายชื่อผู้ตัดสินที่ถูกวิจารณ์ว่าย้อนยุค หรือการใช้ “ไม้แข็ง” ลงโทษผู้ตัดสินที่ผิดพลาด มีให้เห็นแทบทุกสัปดาห์ เป็นตัวอย่างให้เข็ดหลาบ หรือ ระมัดระวังมากขึ้น

ปัญหาผู้ตัดสิน เป็นปัญหาโลกแตก มีให้เห็นในฟุตบอลทุกระดับ เป็นไปไม่ได้ที่จะแก้ให้เป็น 0 แต่ก็ต้องกดลงให้น้อยที่สุด

บกพร่องโดยสุจริตพอว่า ยังแก้ไขได้ แต่ถ้าบกพร่องโดย “ทุจริต” ต้องลงโทษถึงที่สุด

น่าสนใจว่าในยุค มาดามแป้ง ยังไม่มีข่าวการดำเนินคดี “ล็อกผลบอล” เหมือนกับยุค พล.ต.อ.สมยศ ที่มีให้เห็นกันเป็นระยะ

คิดแง่ร้ายคือจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน

แต่คิดในแง่ดี “วงจรอุบาทว์” อาจถูกสะกดอยู่หมัดไปแล้วก็ได้.

วุฒินล