ถูกมองว่าอ่อนแอลงจากนโยบายปฏิรูปเส้นทางรถเมล์ของรัฐบาล ทำให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (BMTA)หรือที่เรียกกันติดปากว่า “ขสมก.“ ซึ่งก่อตั้งมายาวนาน 49 ปี เคยยิ่งใหญ่ในฐานะรัฐวิสาหกิจ สังกัดกระทรวงคมนาคม มีภารกิจจัดบริการและควบคุมรถโดยสารประจำทางในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ด้วยจำนวนผู้ใช้บริการกว่า 1 ล้านคนต่อวัน

เมื่อรถไฟฟ้าเข้ามาแทนที่เป็นระบบขนส่งมวลชนหลักด้วยจำนวนผู้โดยสารเกือบ 2 ล้านคนต่อวัน รถเมล์เป็นฟีดเดอร์ และกลายสภาพจากผู้ควบคุมกำกับดูแลรถร่วมบริการทั้งหมด เหลือแค่สถานะผู้ประกอบการรายหนึ่งเท่านั้น ถูก บริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด (TSB) ที่เติบโตขึ้นมาอย่างรวดเร็วภายใน 3 ปี แย่งเส้นทางเดินรถไปอยู่ในครอบครองถึง 124 เส้นทาง จำนวนรถบริการ 1,650 คัน ยอดผู้โดยสาร 3.8 แสนคนต่อวัน พลิกขาดทุนสู่กำไรแล้ว

สถานะขสมก. ในวาระปีใหม่ 2568 ห้วงเวลาทำงานปีสุดท้ายของผู้อำนวยการขสมก. นายกิตติกานต์ จอมดวง จารุวรพลกุล ซึ่งจะครบ 4 ปีวันที่ 1 ต.ค.2568 จะเร่งขับเคลื่อนงานและวางอนาคตขสมก.ไว้แบบไหน…. ไปพูดคุยกัน…..ป้าหมายหลัก ในการทำงานของผม ตั้งแต่วันแรกจนวันสุดท้ายคือ ให้ประชาชนและผู้โดยสารได้รับบริการขนส่งสาธารณะขั้นพื้นฐานคือรถเมล์ด้วยความสะดวก สบายปลอดภัย” ผอ. ขสมก. คนที่ 25 ย้ำเป้าหมาย…..เนื่องจากผมนั่งรถเมล์มาตั้งแต่เด็ก เจอปัญหารถน้อย คอยนาน แม้จะรับราชการและเติบโตอยู่ที่กรุงเทพมหานคร(กทม.) แต่เมื่อมีโอกาสที่จะได้พัฒนาบริการรถเมล์ จึงมาสมัครเป็นผอ.ขสมก.

3ปีที่ผ่านมา ได้บริหารจัดการองค์กรและพัฒนาบริการในมิติต่างๆ รวมทั้งผลักดันให้พนักงานขสมก. 14,000 คน ซึ่งทำหน้าที่หลักจัดการเดินรถเมล์ ได้รับสวัสดิการที่ดี เป็นขวัญกำลังใจในการทำงานเพื่อบริการประชาชน จนขณะนี้ขสมก. เป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจแห่งเดียวของกระทรวงคมนาคมที่สามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลได้ตรง ทำให้พนักงานมีความสุขเพิ่มขึ้นมาก และบรรเทาปัญหาการจ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลล่วงหน้าของพนักงาน ขสมก. ลงได้

ปี 2568 ประชาชนจะได้ใช้บริการรถเมล์ใหม่เป็นรถเมล์ปรับอากาศใช้พลังงานไฟฟ้า(EV) ครั้งแรก จากการผลักดันโครงการจัดหารถโดยสารEV 1,520 คัน วงเงินประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท ด้วยวิธีเช่ารถ 7 ปี (งบผูกพันปี 2568-2575) อยู่ระหว่างกำหนดรายละเอียดขอบเขตงาน(TOR) โดยเชิญองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) มอบหมายผู้แทนเข้าร่วมสังเกตการณ์เพื่อความโปร่งใสด้วย และยืนยันจะดำเนินการอย่างถูกต้อง ครบถ้วนตามกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างทุกขั้นตอน

กำหนดเวลา(ไทม์ไลน์)เบื้องต้นเปิดประชาพิจารณ์TORกลางเดือนก.พ. เช่าประมูลแบบ e-bidding เดือนพ.ค. ได้ผู้ชนะประมูล ใช้เวลาส่งมอบรถให้ขสมก.นำมาบริหารจัดการเดินรถ500 คันแรกประมาณปลายปีพ.ศ.2568 และส่งมอบครบทั้งหมดภายในปี 2569 ค่าโดยสารกำหนดโดยคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง ปัจจุบันรถปรับอากาศ 15-25 บาท รถร้อน 8 บาท

นอกจากนี้ยังมีโครงการระยะ(เฟส) 2 อีก1,500 คัน รูปแบบการร่วมลงทุนกับเอกชน (PPP) กระทรวงคมนาคมมีหนังสือถึงกระทรวงการคลังขอรับเงินสนับสนุนจากคณะกรรมการกองทุนส่งเสริมการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (กองทุน PPP) วงเงินประมาณ 25 – 30 ล้านบาท เพื่อจ้างบริษัทที่ปรึกษาศึกษารายละเอียดโครงการฯ

ขณะนี้ขสมก.เดินรถ 107 เส้นทาง มีรถให้บริการ 2,700 คัน (สัดส่วนรถแอร์และรถร้อน 50/50 ผู้โดยสาร 6-7แสนคนต่อวัน มีหนี้สะสมประมาณ 1.4 แสนล้านบาท ต้องกู้เงินเสริมสภาพคล่องทุกปี เนื่องจากรายได้ไม่พอค่าใช้จ่าย รายได้ค่าโดยสาร6-7 ล้านบาท หรือขาดทุนวันละกว่า 1 ล้านบาท เนื่องจากค่าโดยสารต่ำกว่าต้นทุนเดินรถเฉลี่ย 1 กม. ต่อ 50-60 บาท มีภาระค่าเหมาซ่อม 1,900 ล้านบาท

ขสมก.จัดซื้อรถล่าสุดประมาณปี 2561 เป็นรถโดยสารปรับอากาศใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง (เอ็นจีวี) สีฟ้า 487 คัน วงเงิน 4 พันล้านบาท ส่วนรถที่เหลือกว่า 2,000 คันใช้งานมานานกว่า 20 ปี สภาพทรุดโทรม รถเมล์ใหม่จะทำให้ขสมก.บริหารจัดการเดินรถได้คล่องตัวขึ้น ผู้โดยสารได้รับความสะดวกรวดเร็วและปลอดภัยในการเดินทางยิ่งขึ้น ลดค่าพลังงานเชื้อเพลิง 3 เท่า เหลือ 600ล้านบาท ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายอื่นๆ ได้อีกปีละ 2,500-3,000 ล้านบาท อาทิ ใช้ระบบเก็บค่าโดยสารแบบอีทิกเก็ตแทนพนักงานโยกย้ายไปทำหน้าที่อื่นๆ และชะลอการรับพนักงานใหม่

รวมถึงเปิดบริการแอปพลิเคชั่น ขสมก. เป็นครั้งแรกในเดือนเม..นี้ ภายใต้แนวคิด”สะดวกสบาย” มีฟังก์ชั่นต่างๆ อาทิ ให้ตรวจสอบเส้นทางรถเมล์ ระเวลารอคอย รวมทั้งรับชำระค่าโดยสารผ่านแอป

สำหรับเสียงสะท้อนจากผู้โดยสาร และคำถามต่างๆ อาทิ การยกเลิกรถร้อน ซึ่งยังมีผู้โดยสารบางกลุ่มเห็นต่าง นั้น ผอ. ขสมก. แจกแจงว่า ผู้โดยสารไม่ปฎิเสธความสะดวกสบายจากแอร์ฉ่ำๆ แต่อาจจะติดเรื่องค่าโดยสารรถแอร์ที่เอื้อมไม่ถึง ตรงนี้จะหารือฝ่ายบริหารเพื่อพิจารณาดูแล ….ปัญหาโลกแตกเรื่องเลขสายรถเมล์ ส่วนตัวมีความเห็นเหมือนประชาชนทั่วไป ที่เคยชินกับเลขสายเก่า แต่เมื่อเป็นไปตามนโยบายปฎิรูปก็ต้องดำเนินการ

ปิดท้ายด้วยการตอบคำถาม….ไทยสบายล์บัส เป็นคู่แข่งสำคัญจะมาโค่นแชมป์ …. ส่วนตัวไม่กังวลใดๆ คิดว่าเป็นเรื่องดีที่เป็นทางเลือกบริการให้ผู้โดยสาร ขณะนี้ขสมก.มีผู้โดยสาร 6-7 แสนคนต่อวัน สูงสุดในบรรดาผู้ประกอบการทั้งหมด สิ่งสำคัญคือยังให้บริการประชาชนในมิติสังคม อาทิ รถเมล์ฟรีวันสำคัญหรือกิจกรรมสำคัญ การให้บริการทดแทนในเส้นทางที่ผู้ประกอบการรายอื่นยกเลิก รวมถึงความพึงพอใจของประชาชนที่สะท้อนว่า พนักงานขับรถและพนักงานเก็บค่าโดยสารของขสมก.บริการอย่างมืออาชีพจึงยังครองใจผู้โดยสาร….และขสมก.ไม่หยุดมุ่งมั่นพัฒนาเพื่อยกระดับบริการ ตามวิสัยทัศน์…รถเมล์เพื่อทุกคน busses for all

…………………………………………..
นายสปีด

***ห้ามคัดลอกเนื้อหาและภาพในบทความนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

คลิกอ่านบทความทั้งหมดที่นี่…