ทำไมประเทศไทยควรมีเอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ อันนี้ก็ต้องพูดกันปากเปียกปากแฉะว่า “มันไม่ใช่บ่อนทั้งหมด” อาจมีแค่ไม่ถึง 10% ของพื้นที่ด้วยซ้ำ หรือถ้าบางศูนย์จะไม่มีเลยก็ได้ แต่ศูนย์รวมความบันเทิง มันเป็นแหล่งท่องเที่ยว ที่มีได้ทั้งสวนสนุก สวนน้ำ โรงแรมหรู ร้านอาหารหรู โรงภาพยนตร์ ฮอลล์จัดคอนเสิร์ตขนาดใหญ่ ( ที่ไม่ต้องไปเจอการจราจรติดขัดให้ประสาทเสียแบบอิมแพคอารีนา หรือสนามรัชมังคลากีฬาสถาน ) หรือศูนย์จัดแสดงนิทรรศการอย่างงานเวิลด์เอกซ์โป ที่กระตุ้นให้นักท่องเที่ยวมากันทั้งครอบครัว ใช้เวลาในศูนย์นั้นได้ และได้ใช้จ่ายเพิ่มเม็ดเงินเข้าระบบเศรษฐกิจ คือตอนนี้เหมือนกับหลายฝ่ายที่ต้านดันเอาภาพบ่อนปอยเปตเป็นที่ตั้ง
ถ้าเอาบ่อนตะเข็บชายแดนมาใช้นึกภาพก็ไม่รู้จะพูดอย่างไร นอกจาก “ถ้าติดอยู่แต่กับความคิดร้ายๆ จนไม่กล้าทำอะไรใหม่ พัฒนาอะไรใหม่ ( ขนาดละครไทยก็ยังตะบี้ตะบันเล่นแต่ย้อนยุค ) คิดว่า ประเทศมันจะเจริญขึ้นได้แค่ไหน ?” การกระตุ้นเศรษฐกิจที่สำคัญต้องหาแหล่งรายได้ใหม่ รายได้มาจากการท่องเที่ยวลงทุนจำนวนมาก เราก็ควรจะส่งเสริมเรื่องการลงทุน เพื่อการท่องเที่ยว ที่ทำให้เกิดการจ้างงาน จริงไหม ? ไม่ใช่ว่า แหล่งท่องเที่ยวหรูๆ อยู่ข้างประเทศไทย แต่ปล่อยให้ประเทศไทยมีแค่ภาพเมืองที่เหมาะกับการเที่ยวกลางคืนแบบสุดเหวี่ยง ( เที่ยวอะไรคงรู้กัน )
ขนาดประเทศมุสลิม อย่างมาเลเซีย เขายังมีเอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพลกซ์ คือ เกนติ้ง ไฮแลนด์ อยู่รัฐปะหัง บนยอดเขาอูลูกาลี แค่การเดินทางไปก็น่าสนใจแล้ว อารมณ์เหมือนข้ามเขาไปอีกเขตแดน อีกประเทศหนึ่ง ที่เก็นติ้งมีห้างขายแบรนด์เนมหรู ร้านอาหารแบบมีรสนิยม โรงแรมหรูหลายแห่ง พื้นที่หรับจัดคอนเสิร์ตระดับโลกได้ และมีพื้นที่สำหรับการจัดการประชุมพ่วงนิทรรศการได้ ก็ส่งเสริมธุรกิจ MICE อีกด้วย
ส่วนสิงคโปร์ ประเทศที่แทบไม่มีทรัพยากรธรรมชาติให้เที่ยว ขึ้นชื่อได้เพราะสิ่งที่มนุษย์สร้างแทบทั้งสิ้น ก็ยังมีมารีนา เบย์ แซนด์ เป็นเอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ที่แทบจะเป็นแลนด์มาร์คของประเทศ เราคงเคยเห็นกันกับตึกสามตึกเรียงกันและมีเรือสำราญอยู่ด้านบนสุด มีสระว่ายน้ำชั้นดาดฟ้าให้ชมวิวได้ไปถึงไหนๆ มีคลับหรู โรงแรมหรู ลานสเก็ตน้ำแข็ง กาสิโนหรูมูลค่าหลักพันล้านเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ มองขึ้นไปที่มาเก๊า ก็มีศูนย์รวมความบันเทิงอย่างกาแลคซี่ ซึ่งมีโรงแรมหรูหลายแห่งที่เป็นเชนโรงแรมจากต่างประเทศ สวนน้ำลอยฟ้า โรงละครเวทีใหญ่แบบบอร์ดเวย์ แหล่งชอปปิ้งต่างๆ ธุรกิจเอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ ทำรายได้ให้แต่ละประเทศปีละนับหมื่นล้าน
เรื่องเอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ ก็พูดๆ จะสร้างอยู่หลายรอบ วันที่ 9 เม.ย.2567 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่มี “นายกฯเสี่ยนิด”เศรษฐา ทวีสิน เป็นประธานฯ มอบหมายให้ “รองหนิม”จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ พิจารณา แนวทางความเป็นไปได้ รวมทั้งพิจารณาจัดทำร่าง พ.ร.บ.เกี่ยวกับการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร และนำมาเสนอ ครม. ต่อไป ซึ่งในวันที่ 2 ส.ค.2567 สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กระทรวงการคลัง ได้นำ ร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. …. ไปเปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนและผู้เกี่ยวข้อง โดยจะทำการเปิดรับฟังความคิดเห็นระหว่างวันที่ 2-18 ส.ค.2567 ซึ่งมีหลักการว่า เอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์เป็นกิจกรรมสำคัญกระตุ้นการท่องเที่ยว ไปจนถึงการลงทุนในประเทศ เกิดผลดีต่อสังคมในภาพรวม

ซึ่งร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. … มีสาระสำคัญคือ การกำหนดให้มีคณะกรรมการนโยบายสถานบันเทิงครบวงจร ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน คณะกรรมการชุดนี้ มีอำนาจกำหนดนโยบายสถานบันเทิงครบวงจร ,การกำหนดอัตราภาษีที่เกี่ยวกับกาสิโน การกำหนดสัดส่วนพื้นที่ของกาสิโนในสถานบันเทิงครบวงจร ,การกำหนดจำนวนใบอนุญาต และพื้นที่ประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ,กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข การให้สินเชื่อแก่ผู้เข้าเล่นหรือเข้าพนันในกาสิโน ไปจนถึงการกำหนดนโยบายป้องกัน แก้ไข หรือเยียวยาผลกระทบที่เกิดขึ้นจากสถานบันเทิงครบวงจร ซึ่งต้องออกเป็นพระราชกฤษฎีกา ( พ.ร.ฎ.) ตามมา
ค่าธรรมเนียมการขอใบอนุญาตก็แพงมาก และทางฝ่าย ครม.ก็แจงว่า บริษัทที่มาลงทุนจะเป็นบริษัทระดับโลก ซึ่งเขาไม่เสี่ยงจะมาฟอกเงินแน่ แต่ก็มีเสียงค้านจากอีกมุมหนึ่งว่า ผู้ประกอบการไม่ฟอกหรอก แต่ผู้เล่นนั่นแหละฟอก ตรงนี้ก็หวังว่า ในชั้นสภาผู้แทนราษฎรวาระแรกคงถกเรื่องนี้กันเยอะ และเพิ่มอะไรหรือปรับแก้อะไรในชั้นกรรมาธิการ
อย่างไรก็ตาม เมื่อมีข่าวมาว่า ครม.รับร่าง และจะต้องเข้าสภา ก็มีคนออกมาแสดงท่าที ส่วนใหญ่ก็จะต่อต้านการพนันในแง่มุมว่า “เดี๋ยวมอมเมาเยาวชน” ก็ต้องบอกก่อนว่า ถ้ามันเป็นกาสิโน ไม่ใช่เยาวชนที่ไหนทะลึ่งเข้าไปได้ เพราะเขาตรวจคนที่เข้า ซึ่ง ครม.จะให้รัดกุมขนาดที่ รมช.หนิม จุลพันธ์ ให้สัมภาษณ์ด้วยซ้ำว่า “ครอบครัวไหนไม่อยากให้คนของตัวเองไปเล่นในกาสิโน ให้ส่งชื่อเป็นแบลคลิสต์มาได้”
และถ้าจะว่ามอมเมาเยาวชน ไม่ต้องถึงกาสิโนหรอก ปั่นสลอต ปั่นบัคคาร่าออนไลน์เนี่ยเยอะแยะไปหมด การพนันคือการเสี่ยงโชคที่ทำให้เกิดความตื่นเต้น จะชิงเดิมพันหรือไม่ชิงเดิมพันก็แล้วแต่ มันเป็นธรรมชาติวิสัยของมนุษย์ที่จะชอบความตื่นเต้นให้อะดรินาลีนหลั่ง การเสี่ยงโชคคือการสร้างความตื่นเต้นที่ไม่เกิดอันตรายต่อร่างกาย การ“ห่วงว่าจะมอมเมาเยาวชน” ก็ต้องเป็นภาระผู้ปกครองสอนก่อน ครูบาอาจารย์ตามมา สอนเรื่องโทษของการพนัน ชอบเสี่ยงโชคอย่างไรก็ไม่ควรเดิมพัน รู้ถึงภาพชีวิตที่พังทลายเพราะการพนัน สร้างความกลัวไป.. ไม่ใช่เอะอะๆ ก็จะให้บ้านเมืองนี้มันดูคลีน ดูสะอาดไปหมดเพราะอ้างจะปกป้องเยาวชน ซึ่งเป็นความคิดที่ทำให้เราเอาแต่ซุกอะไรเน่าๆ ไว้ใต้พรม
ถ้าจะว่าเสียภาพลักษณ์เมืองไทยเมืองพุทธ ? ก็ต้องบอกว่า มาเลเซียเมืองมุสลิมยังมีเลย เมืองพุทธแล้วไงเหรอ ? ความเป็นพุทธมันอยู่ในตัวบุคคลไม่ใช่สังคม พุทธะที่แท้คือการปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ใครเป็นพุทธะจริงเขาสนใจแต่ประคองจิตตัวเองไม่ให้ลงฝ่ายต่ำ ใช้ชีวิตโดยไม่ประมาทเป็นหลัก ถ้าจะสอนใครก็สอนด้วยเมตตาไม่ใช่อวดอัตตา .. และการเป็นเมืองพุทธไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้ประเทศต้องแช่แข็งการพัฒนาเป็นรัฐศาสนา
ถามว่า ถ้าไม่เอาเอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์มากระตุ้นการท่องเที่ยวและการใช้จ่าย แล้วจะมีอะไรมาใช้กระตุ้น ? อย่างที่บอกไปแล้วว่า อย่าเพิ่งไปเอาภาพบ่อนตามตะเข็บชายแดนเป็นที่ตั้ง เอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์เขาหรูหรา ให้ดูภาพลาสเวกัส รัฐเนวาดา มันเป็นเมืองที่ไม่เคยหลับใหลด้วยซ้ำ เก็บตัวนางงามบางปีก็ไปเนวาดา เพราะมันมีโรงแรมหรูแบบสมฐานะกองประกวด ..อย่าพูดเรื่องเราต้องส่งเสริมท่องเที่ยวศิลปวัฒนธรรมที่งดงาม ธรรมชาติที่งดงามอย่างเดียว ต้องคิดเรื่องอื่นด้วย การท่องเที่ยวแบบหรูหรา luxury ไทยมีศักยภาพ สามารถรับนักท่องเที่ยวไฮโซได้ คนรวยตะวันออกกลางมาไทยตั้งเท่าไร .. จะให้มาติดแหง็กด้วยเรื่องกาสิโนจะมอมเมา ? เอาจริงกาสิโนนั้นเงื่อนไขการเข้าไปเล่นเยอะแยะยุบยับ ซึ่งจะมีรายละเอียดอย่างไรรอดูตัว พ.ร.ฎ.หรือกฎกระทรวงอีกที

ขณะที่การแก้ไขปัญหาการพนัน ทางกระทรวงมหาดไทยเตรียมแก้ไข พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ.2478 หลักการคือการการปราบปรามการลักลอบเล่นการพนันผิดกฎหมาย ทั้งการพนันทั่วไป และการพนันออนไลน์อย่างจริงจัง “เสี่ยหนู”อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทยมอบหมายให้อธิบดีกรมการปกครอง แก้ไขกฎหมาย โดยจะเพิ่มโทษผู้เล่น จากเดิมที่มีโทษทั้งจำและปรับ หรือปรับไม่มีจำ เป็นโทษจำคุกอย่างเดียวไม่มีปรับ และแก้บทลงโทษผู้จัดให้มีการเล่นการพนัน เป็นโทษจำคุกและยึดทรัพย์ทุกกรณี
ทาง กมธ.ปกครอง ที่มี “แบต”ภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาคนที่สอง สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย เป็นประธาน ได้ประชุมและเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจากทั้งฝ่ายกรมการปกครอง กระทรวงการคลัง กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ( ดีอี ) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ( ตร.) ประชุมเรื่องแก้ไขปัญหาพนันออนไลน์ไปเมื่อวันที่ 22 ม.ค. ผลสรุปคือ เห็นว่า ประเด็นเว็บพนันมีปัญหาคือมีการเปิดและตามจับปิดเว็บทำได้ค่อนข้างยาก เนื่องจากเมื่อมีการปิดไปแล้วไปตั้งใหม่ได้โดยเร็ว กมธ.จึงฝากประเด็นนี้ไปยังกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ที่จะแก้ไขกฎกระทรวง หรือพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) เพื่อจัดการกรณีพบเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดกฎหมาย หรือเว็บพนันออนไลน์
ในที่ประชุม กมธ.เห็นว่า ไม่อยากเห็นหากมีการเปิดให้การพนันออนไลน์ถูกกฎหมาย อยากให้จับกุมกวาดล้าง บังคับใช้กฎหมายเข้มงวด เรื่องการแก้ปัญหาการพนัน ถ้าเอาออนไลน์ขึ้นมาบนดิน มีเอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ ทุกหน่วยงานที่มาประชุมเห็นตรงกันว่าไม่สามารถแก้ปัญหาการพนันในปัจจุบันได้ ต้องเข้มบังคับใช้กฎหมาย
ในส่วนของเอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ “รองแบต” บอกว่า ที่ประชุม กมธ.และยังแซวกันว่าทำไมถึงไม่ตั้งชื่อว่าร่าง พ.ร.บ.กาสิโน ไปเลย ทางกระทรวงการคลังชี้แจงว่าสิ่งที่ยกร่างมายิ่งจากผลการศึกษาของสภาที่เคยศึกษาและมีข้อแนะนำมา เราเห็นว่าหากจะทำควรตอบโจทย์ไม่อยากให้รัฐบาลมองประโยชน์เพียงด้านเดียว หรือมองมิติด้านเศรษฐกิจที่กระตุ้นการท่องเที่ยว การสร้างรายได้ให้กับประเทศเพียงอย่างใด เพราะไม่ทราบสิ่งที่รัฐบาลคาดหวังจะเป็นไปตามเป้าหมายหรือไม่ โดยทาง กมธ.ฝากประเด็นไปว่าต้องการให้คำนึงถึงผลกระทบต่อสังคมที่จะตามมาด้วย
ข้อวิพากษ์วิจารณ์ในเอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ยังมีอีกมาก แต่ขอให้ทำความเข้าใจ หรือดูโมเดลต่างประเทศด้วย ว่า “ถ้าตัดเรื่องกาสิโนออกไป เราจะได้อะไรบ้าง” ..ในประเด็นที่เกี่ยวกับกาสิโน ซึ่งมีไปถึงการมอบอำนาจให้คณะกรรมการที่นายกฯ เป็นประธานแบบตีเชคเปล่า อำนาจเต็มเรื่องอนุญาต ก็ต้องให้ตัวกฎหมายเข้าสภาผู้แทนราษฎร ดูการทำงานของรัฐบาลและฝ่ายค้านในการอภิปราย ดูการปรับแก้ในชั้น กมธ.
แต่อย่าด่วนเอาคำว่า “เมืองพุทธ”กับ “ปกป้องเยาวชน” มาตีกันทุกอย่าง.
………………………………………………………
คอลัมน์ : ที่เห็นและเป็นอยู่
โดย “บุหงาตันหยง”