สถานการณ์การเมืองตอนนี้ร้อนปรอทแตกหลายประเด็นรุมเร้ารัฐบาลแพทองธาร เล่นเอางานเข้ารัวๆ จนน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ถึงกับไข้ขึ้นสูง ต้องเข้าพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลด่วน หลังจากกลับเยือนกัมพูชาบ้านพี่เมืองน้อง

ขณะที่การเมืองไทยก็เล่นเอาฝุ่นตลบกับการส่งสัญญาณปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.)ของ “คุณพ่อทักษิณ ชินวัตร” หวังลดกระแส แรงเสียดทานการกดดันรัฐบาลนายกฯอิ๊งค์ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีการปล่อย ข่าวลือ ข่าวลวง คนนั้นโผล่กระทรวงนี้คนนี้โผล่กระทรวงโน้น เขี่ยพรรคภูมิใจไทยออกแล้วเอาพรรคพลังประชารัฐเสียบแทน
จน “สรวงศ์ เทียนทอง” รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ออกมาโวย ข่าวการปรับ ครม. มีผลกระทบต่อการทำงานจริงๆ นายกฯยังยืนทุกอย่างยังเหมือนเดิม และนายกฯรับฟังทุกเสียง ทั้งโพลและเสียงประชาชน ต้องให้นายกฯพิจารณาเอง จะปรับหรือไม่
ขณะ “นายกฯอิ๊งค์” ยืนยันยังไม่มีความคิดเรื่องนี้ ความจริงตอนนี้ทุกอย่างยังเหมือนเดิม ทราบว่ามีผลโพลที่ทุกคนสนใจ ความจริงแล้วพร้อมรับฟังทุกความเห็นไม่ว่าผลโพลหรือความเห็นประชาชนจะนำไปคิด ความจริงแล้วใดๆในโลกล้วนอนิจจัง ไม่ว่าตำแหน่งทุกอย่าง หรือแม้แต่ตำแหน่งนายกฯเช่นกัน ไม่ใช่แค่ตำแหน่งใครคนใดคนหนึ่ง ฉะนั้นเราก็ทำใจให้นิ่งไว้ ทุกอย่างเป็นเรื่องธรรมชาติ

จู่ๆก็มีฉากดราม่ากลางทำเนียบรัฐบาลต่อหน้าสื่อ ระหว่าง “บิ๊กอ้วน”ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมแกนนำพรรคเพื่อไทย กับ “เสี่ยหนู”อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.กลาโหม หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย
โชว์ซีนหวานควงแขน เดินจูงมือกัน หลังประชุมครม. แต่ก็ยังลดกระแสการปรับครม.ไม่ได้
ไล่ดูตามไทม์ไลน์โอกาสปรับครม.ความเป็นไปได้น่าจะเป็นปลายเดือนปลายเดือนพฤษภาคม หรือเดือนมิถุนายน เพราะต้องรอการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 เสร็จสิ้นไปก่อน

นอกจากนี้ผลของนิด้าโพล ที่ออกมาอยากให้ปรับกระทรวงพาณิชย์ สอดคล้องกับพรรคเพื่อไทยเห็นตรงกันอยากให้ปรับกระทรวงการค้า โดย “วิสุทธิ์ ไชยณรุณ” สส.พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล(วิปรัฐบาล) แบะท่าพร้อมทำหน้าที่ หากได้รับการเสนอชื่อเข้าเป็นรัฐมนตรี หลังเขย่าเก้าอี้รมว.พาณิชย์
ตอนนี้“รัฐบาลแพทองธาร” ยังอยู่กันในสภาพแบบตบ-จูบ ระหว่างพรรคภูมิใจไทยกับพรรคเพื่อไทย ที่ขบเหลี่ยมปีนเกลียว หลายประเด็น ก็จะอยู่กันไปอย่างนี้ จนกว่าจะมีตัวเร่งเกมทำให้เกิดเกมพลิกได้

โดยเฉพาะเกมที่ 44 สส.พรรคประชาชน ถูกวิบากกรรมเล่นงาน คือกรณี คณะกรรมการการปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ กำลังสอบจริยธรรม จากการที่ 44 สส.เข้าชื่อเสนอแก้ไขมาตรา 112 ที่ “หัวหน้าเท้ง” ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ( ปชน.)ออกมาบอกว่าเรื่องนี้ อาจส่งผลกระทบต่อ 25 สส.ของพรรคประชาชนที่อยู่ในสภา อาจส่งผลกระทบทางการเมือง ถ้าเอาตัวเลข สส.ที่หายไปมาพิจารณา สมการและคณิตศาสตร์การเมืองเปลี่ยน ก็มีความเป็นไปได้เรื่องเอาพรรคภูมิใจไทยออก
ขณะที่สว. สีน้ำเงินที่ถูก “ดีเอสไอ” ตรวจสอบกรณีคดีฟอกเงิน “ฮั้วสว.” สำนวนก็งวดเข้ามาทุกที โดย “ดีเอสไอ” รับคดีอั้งยี่ ปมเลือก สว. 2567 เป็นคดีพิเศษเพิ่ม เดินหน้าสอบพยาน เส้นเงิน ส่อโยงการเมือง ซึ่งจะเป็นเกมเขย่า “สว.สีน้ำเงิน” ลดเกมต่อรองจากพรรคภูมิใจไทยได้อีก ก็จะเป็นเกมเขย่า “สว.สีน้ำเงิน” ลดเกมต่อรองจากพรรคภูมิใจไทยได้อีก

ขณะเดียวกัน ยังมีเกมร้อนรอเขย่าบัลลังก์ไทยคู่ฟ้า จากปมการผลักดันร่างพ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร หรือ (เอนเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์) นโยบายเรือธงของพรรคเพื่อไทย ซึ่งวุฒิสภา เดินเกมตั้งคณะกรรมาธิการขึ้นมาศึกษากฎหมายสถานบันเทิงครบวงจร หรือ (เอนเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์) มี“หมอวี” วีระพันธุ์ สุวรรณนามัย สว.ที่เดินหน้าค้านกาสิโนมาโดยตลอด ได้นั่งแท่นเป็นประธานกรรมการชุดนี้

มีกมธ.สัดส่วนคนนอกที่เป็นตัวจี๊ดสายแข็ง อาทิ ศาสตราจารย์พิเศษ จรัญ ภักดีธนากุล อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ นายแก้วสรร อติโพธิ อดีต สว. นายคำนูณ สิทธิสมาน อดีต สว. รองศาสตราจารย์ เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง อดีต สว. ศาสตราจารย์ สมคิด เลิศไพฑูรย์ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
จึงต้องจับตามองว่าเป้าหมายพรรคเพื่อไทยอยากได้เอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ เพื่อสร้างรายได้ให้กับประเทศจะไปได้สุดทางหรือไม่ แม้พรรคร่วมจะออกมาพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า พร้อมที่จะสนับสนุนกฎหมายเอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ของรัฐบาลชุดนี้ แต่ถ้าเวลาเปลี่ยน สถานการณ์เปลี่ยน อะไรก็เกิดขึ้นได้

เพราะเป็นที่เห็นๆกันอยู่ว่า ไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ลูกชายครูใหญ่เนวิน ชิดชอบ เคยปล่อยปืนลั่นกลางสภา ประกาศไม่เอากาสิโนแบบหัวเด็ดตีนขาด ดูแล้วเรื่องกฎหมายเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์อาจจะไปไม่สุดทางหรือไม่ หากสะดุดก็จะกลายเป็นมุมเมอแรง สะท้อนกลับมาให้พรรคร่วมแตกหักกันได้
สำหรับจุดเสี่ยงของรัฐบาลที่จะพลิกกระดานการเมือง รออยู่ข้างหน้า นอกจากเกมร้อนของ 44 สส.พรรคประชาชน,การออกกฎหมายเอนเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์แล้ว ยังมีคดีร้อนคาอยู่ในองค์กรอิสระ จะเป็นตัวชี้ชะตารัฐบาลแพทองธาร

ทั้งกรณี “นายกฯแพทองธาร”ใช้ตั๋วสัญญาใช้เงิน หรือ ตั๋วพีเอ็น ที่เข้าข่ายนิติกรรมอำพราง เพื่อหลบเลี่ยงการเสียภาษี , กรณีโรงแรมเทมส์วัลลีย์ เขาใหญ่ ที่อาจเข้าข่ายว่า มีการออกโฉนดโดยมิชอบ เนื่องจากเป็นพื้นที่เป็นต้นน้ำลำธาร ,การถือครองหุ้นสนามกอล์ฟอัลไพน์ , กรณีชั้น 14 รพ.ตำรวจ ซึ่งน.ส.แพทองธาร มีส่วนทำให้ “นายทักษิณ ชินวัตร”ในฐานะบิดา ได้รับอภิสิทธิ์เหนือผู้ต้องขังรายอื่น จะเป็นไฟร้อนปลุกม็อบลงถนนได้ทุกเมื่อ

อีกหนึ่งประเด็นร้อน เรื่องการตั้งกำแพงภาษี ของโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ที่ตอนนี้ ทีมเจรจาไทยแลนด์ ต้องเลื่อนการเดินทางไปเจรจาทลายกำแพงภาษี กับสหรัฐจากวันที่ 23 เม.ย.ออกไปอย่างไม่มีกำหนด
เรื่องนี้จึงต้องจับตาว่า “รัฐบาลแพทองธาร” จะได้คิวในการเจรจาเมื่อไหร่ และการเจรจาจะเป็นเกมการต่อรองผลประโยชน์ ซึ่งไม่น่าจะเจรจาได้สำเร็จเพียงครั้งเดียว ดังนั้นถือเป็นโจทย์ใหญ่ที่จะเป็นตัวพิสูจน์กึ๋นรัฐบาลชุดนี้