กำลังจะใกล้หมดร้อนเดือน เม.. แต่อุณหภูมิการเมืองไทย ยังร้อนแรงดุเดือดต่อเนื่อง มีหลาย ๆ คดีใหญ่เกี่ยวโยงการเมืองกำลังถูกจับตาใกล้ชิด ทำให้ช่วงวันหยุดที่ผ่านมา ผลสำรวจของสำนักวิจัยซูเปอร์โพล เรื่อง เสถียรภาพของรัฐบาล ในสายตาของประชาชน

ภาพรวมเชื่อมั่นต่ำ ห่วงคดีทางการเมืองจะส่งผลถึงขั้นทำให้ยุบพรรค ยุบสภา และเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง!!

เรียกว่าสารพันปัญหาทั้งด้าน สังคมเศรษฐกิจ ไปจนถึงเรื่อง กำแพงภาษีทรัมป์ ฯลฯ กำลังถาโถมใส่ รัฐบาลแพทองธาร ไม่เว้นแม้ รอยร้าวพรรคร่วม ต่างก็รอดูทีท่าของ นายกฯอิ๊งค์ และทีมงานที่ปรึกษา จะจัดลำดับความสำคัญสะสางปัญหาของประเทศแต่ละเรื่องหาทางออกอย่างไรให้ลงตัวและเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันมากที่สุด

ขณะอีกปัญหาใหญ่ที่ ทีมข่าวเดลินิวส์ เปิดประเด็นพร้อมตามเกาะติดมาตั้งแต่ต้นปี 68 หลังจากชาวบ้านทนไม่ไหวเห็นป่าเขาในหลายจังหวัดภาคตะวันออก ถูกบุกรุกขุดทำลายจนกลายเป็น สวนทุเรียนแปลงใหญ่ ชาวบ้านธรรมดาคงไม่กล้าท้าทายกฎหมาย ที่สำคัญคงไม่มีทุนมหาศาลที่จะเนรมิตผืนป่าให้กลายเป็นสวนทุเรียนใหญ่สุดลูกหูลูกตาได้เช่นนี้

ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์เจ้าหน้าที่บ้านเมืองเหมือน หูหนวกตาบอด กว่าจะขยับทำงานลงพื้นที่ตรวจสอบจับกุม ป่าไม้ภูเขาถูกบุกรุกทำลาย แปรสภาพไปจำนวนมาก ไล่ตั้งแต่ พื้นที่ จ.ตราด จันทบุรี ระยอง ชลบุรี ฉะเชิงเทรา ฯลฯ ยิ่งหากสื่อไม่ช่วยกันออกมาตีแผ่เกาะติด เชื่อว่าผืนป่าในภาคตะวันออกกำลังจะกลายเป็นสวนทุเรียน

หนำซ้ำมีทั้ง “ทุนไทยทุนจีน” เข้าไปเกี่ยวข้องกับการบุกรุกผืนป่าในหลากหลายรูปแบบ

ที่ดินของภาครัฐ 4 หน่วยงาน ถูก กลุ่มนายทุน บุกรุกแบบไม่ยำเกรงกฎหมาย มีทั้ง ป่าสงวนฯ กรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ, อ่างเก็บน้ำ กรมพัฒนาพลังงานฯ กระทรวงพลังงาน, พื้นที่ปริมณฑลเขา เขตทรงสงวน กองทัพเรือ และ ที่ดินของโครงการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล (คทช.) สํานักนายกฯ (ถือเป็นส่วนราชการที่อยู่ในบังคับบัญชาขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี)

ต้องยอมรับด้วยว่า คดีทำลายทรัพยากรธรรมชาติ หากเข้าข่ายมูลฐานความผิดฟอกเงิน ไม่ใช่แค่ดำเนินคดีเท่านั้น ต้องตามอายัดทรัพย์สินของ “กลุ่มนายทุน” อย่างจริงจังด้วย ในเมื่อเกิดคดีมาพร้อม ๆ กันหลายจังหวัด แต่ยังเหมือนต่างคนต่างทำงาน ไม่มีใครเป็น “เจ้าภาพ” ชัดเจน หลังเป็นข่าวมี หน่วยงานเฉพาะกิจ ท่าทีแข็งขันลงไปตรวจสอบถ่ายภาพเป็นข่าว

แต่พอสื่อตามสอบถามความคืบหน้าก็ไม่ให้ข้อมูลรายละเอียดมากนัก โยนกลับให้ไปถาม ส่วนกลาง หรือให้ไปสอบถาม ผู้บังคับบัญชา แต่ที่พอจะเป็นชิ้นเป็นอัน คดีกลุ่มทุนใหญ่ข้ามชาติ บุกรุกป่าสงวนแควระบมฯ อ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา ปลูกทุเรียน กว่า 700 ไร่ แยกได้เป็นที่ดินป่าสงวนฯ, ที่ดิน คทช.มีทั้งอนุญาตและยังไม่ได้รับอนุญาต ทสจ.ฉะเชิงเทรา ร่วมกับ ป่าไม้จังหวัด แจ้งดำเนินคดี บริษัทเอกชน ยึดคืนพื้นที่ พร้อมประสาน ’ปปง.“ให้ลงมาดูเพื่อตรวจสอบยึดทรัพย์ตามมูลฐานความผิด คดีบุกรุกทำลายป่าและทรัพยากรธรรมชาติเรียบร้อยแล้ว

จับตาดู หลักฐานความผิดชัดเจนเช่นนี้ จะเช็กบิลนายทุนใหญ่สำเร็จหรือไม่? เหนือสิ่งอื่นใดเชื่อว่า คดีรุกป่าแควระบมฯ ถ้าภาครัฐจริงจังยังจะใช้เป็นต้นแบบ ไล่บี้ยึดทรัพย์ “กลุ่มทุน” รุกผืนป่าภาคตะวันออกอีกหลายจังหวัดได้แน่นอน.

……………………………………….
เชิงผา

อ่านบทความทั้งหมดที่นี่..