เปิดตัวว่ามีลูกสาวสวยน่ารักและมากความสามารถจนฮือฮากันไปทั้งประเทศ สำหรับนักแสดงและพระเอกลิเกคนดัง เอ-ไชยา มิตรชัย ที่ตัดสินใจเปิดตัวลูกสาวอย่าง แป้ง-ศรันฉัตร์ มิตรชัย และลูกชาย รวมถึงภรรยาสาว หนูนา กับแฟน ๆ ท่ามกลางความตกใจของแฟน ๆ ซึ่งหลังจากเปิดตัวแล้ว สาวแป้งก็เดินหน้าทำงานเบื้องหน้าคู่กับพ่อเอ ส่วนแม่หนูนาและลูกชายก็ยังคงใช้ชีวิตอย่างราบเรียบและเป็นหลังบ้านให้กำลังใจทั้งสองคนอย่างเต็มที่

ล่าสุดพ่อเอและสาวแป้งมีโอกาสมารับงานเป็นพิธีกรรายการ “มิตรรักทั่วไทย” ทางช่อง 7HD และทั้งคู่ได้เดินทางมาพูดคุยแบบเอ็กซ์คลูซีฟกับ “บันเทิงเดลินิวส์” ถึงเรื่องราวหลังจากได้ให้สังคมรู้แล้วว่าเป็นพ่อลูกกัน รวมถึงความรักและผูกพันของทั้งคู่แบบจัดเต็ม

เอ ไชยา และแป้งเข้าวงการบันเทิงมากี่ปีแล้ว?

เอ : “ปีนี้ถ้านับในโลกของลิเกก็เท่ากับ 40 ปีเต็มกลม ๆ เลยแล้วด้วยประมาณ 44 ปี พอเล่นลิเกปั๊บประมาณวัย 12-13 ปีพี่เล่นละคร ตามด้วยอัดเพลง และออกรายการทีวีเลย มันก็เท่ากับว่าคลุกคลีอยู่ในวงการ ถ้าถามว่าพี่เข้าสังคมดาราและนักแสดงเมื่อไหร่ ก็ประมาณอายุ 13-14 ปีครับ เรื่องแรกที่เล่น คนที่เล่นเป็นพ่อเป็นแม่พี่คือ “พิศมัย วิไลศักดิ์” และ “สมบัติ เมทะนี” ตามด้วย “กรุง ศรีวิไล” เจอรุ่นแบบนี้ทั้งนั้นเลย (หัวเราะ)”      

ได้อะไรจากวงการบันเทิงนี้บ้าง?

เอ : “ได้เยอะเลย เสียก็เยอะเลย (หัวเราะ) ที่เห็น ๆ เลย คือได้ความรักจากคนในวงการ และแม่ ๆ ทั่ว ๆ ไป ถามว่าถ้าพี่ไม่ได้เล่นลิเก ไม่ได้ร้องเพลง ไม่ได้เล่นละคร เราก็คงมีความรักแค่คนในครอบครัวเรา แต่ตอนนี้ความรักของเรามันกลายเป็นอยู่ในทุกบ้าน มันก็เลยกลายเป็นว่าเราได้ความรักและน้ำใจจากหลายคน คือทุกบ้านเปิดต้อนรับเราเหลือเกิน มีข้าวก็อยากให้กินข้าวที่บ้าน มันกลายเป็นคนของเขาไปแล้ว บางคนเข้ามาในตอนนี้ยังเข้ามาทักเลยว่า พี่เอขอถ่ายรูปหน่อย รักพี่มากเลย อย่างเด็ก ๆ ก็เดินมาบอกว่าขอถ่ายรูปให้พ่อหน่อย เมื่อก่อนก็จะถ่ายรูปไปให้แม่ซะส่วนใหญ่ แต่เดี๋ยวนี้พอโลกมันเปิด หนูขอถ่ายรูปไปให้พ่อหน่อย พ่อหนูชอบพี่มาก ก็ประมาณนี้ คือเราได้ชื่อเสียง ได้เงินทอง ได้มาจากชื่อ “ไชยา มิตรชัย” และมีลูกที่ดี”

อย่างแป้งเอง ก็เข้าวงการมาพักใหญ่แล้ว ประมาณกี่ปีแล้ว และได้อะไรกลับไปบ้าง?

แป้ง : “จริง ๆ หนูเริ่มเข้าวงการตั้งแต่ประกวดยูทิป เฟรชชี่ ไอดอล 5 ของหนูจะรุ่น 5 ก็น่าจะประมาณอายุ 18-19 ปี เข้าวงการก็เกือบจะ 10 ปีแล้ว จริง ๆ ที่หนูอยู่มา หนูก็ได้อะไรเยอะเลยค่ะ ตอนนั้นคือยังไม่ได้เปิดตัวเป็นลูกของพ่อ (เอ ไชยา) เราก็จะได้ลองชิมลางอะไรที่มันใหม่มากจริง ๆ คือไม่ได้ใช้ชื่อเสียงของพ่อเลย ก็ได้ประสบการณ์ และการแข่งขัน รวมถึงเพื่อนใหม่ ๆ ได้เรียนรู้ว่าอยู่ในกองถ่ายต้องใช้ชีวิตแบบไหน แม้กระทั่งในเรื่องของการแสดง พ่อก็จะเป็นคนที่สอนหนูตลอดเวลาในทุก ๆ เรื่อง ในทุก ๆ การใช้ชีวิตในการทำงาน เราก็เลยไม่ได้มีปัญหาอะไรมากในวงการบันเทิง”

ได้ทั้งคนรักและคนชื่นชอบมากขึ้น?

แป้ง : “ใช่ค่ะ เพราะว่าต้องบอกก่อนว่า พ่อปูทางมาดีมาก อย่างหนูมาร่วมงาน พ่อรอง เค้ามูลคดี, พ่อเปี๊ยก-พิศาล, แม่แอ๊ด-โฉมฉาย ทุกคนจะเอ็นดูหนู โดยที่ไม่รู้จักหนูเลยด้วยซ้ำ เขาก็จะบอกกับหนูว่า โหพ่อแบบนี้ดีมากเลยนะลูก ทำให้ได้แบบพ่อนะ กลายเป็นเขาเอ็นดูเราไปด้วย”

เอ : “จริง ๆ พอแป้งไปเจอเขา แล้วคุยเรื่องพ่อ (ผม) อยู่ใช่ไหม พอเราเดินเข้าไป เขาก็บอกว่า “ลูกxงดีจังเลย มันเป็นเด็กน่ารักมาก xงอย่าขะมักเขม้นไปนะ สงสารลูกมัน มันจริงจังมากกับงาน” เราก็เลยรักพวกท่านไปโดยปริยาย”

กดดันไหมที่เป็นลูกพ่อเอ แม้วันนี้ก็ยังอาจจะมีบางคนพูดว่า แป้งไม่ได้ใช้ความสามารถตัวเองเข้ามาในวงการ แต่ใช้ความที่เป็นลูกพ่อเอเข้ามา?

 เอ: “สำหรับพี่นะ ชื่อเสียงพี่ แป้งเขาไม่ได้ใช้เลย แล้วตอนที่ไปเล่นหนังเล่นละครกัน เขาพิสูจน์ให้กับผู้ใหญ่ได้เห็น แป้งได้ละครต่อ มาจากผลงานของเขานะ และจากมารยาทในกองถ่ายและหลาย ๆ สิ่งหลาย ๆ อย่างที่ทุกคนป้อนงานมา พอทำงานกับเด็กคนนี้ปั๊บ พอมีละครเรื่องใหม่เขาก็มาเสนอแล้ว”

แป้ง : “หนูมองว่าตัวเองไม่ใช่คนที่เก่งมาก แต่เป็นคนที่เรียนรู้แล้วก็เหมือนพยายาม เลยรู้สึกว่าการเข้าวงการบันเทิงหนูอาจจะเริ่มต้นช้า อย่างพ่อหนู พ่อเก่ง พ่อเป็นคนมีพรสวรรค์ และหนูเห็นพ่อเป็นต้นแบบอยู่แล้วในเรื่องของการแสดง เรา
ไม่มีพื้นฐานไม่เคยเรียนมา คือหนูดูพ่อมาตลอดเลยตั้งแต่เด็ก ดูแล้วชอบก็จะเก็บมาเป็นความรู้”

พ่อเคยสอนแป้งแสดงไหมตอนเด็ก ๆ รู้มั้ยว่าลูกเรามีแววในวงการ?

เอ : “ไม่เลยครับ คือเขาก็ฉายแวว ตอนเด็กเราก็คงเป็นแบบเขา มีขวดนมขวดนึงแล้วก็นอนดูวิดีโอพ่อเล่นลิเกอยู่ ก็นอนดูอยู่อย่างนั้น ดูแล้วก็ร้องลิเกไป เราคิดว่ามันมาไม่ได้อยู่แล้วเพราะเขาไม่ได้เป็นลิเก หนทางนี้มันยังอีกยาวไกล คงไม่ได้เปิดแน่ ๆ ก็คงไปตามทางที่เขาอยากไป คือเรียนหมดทุกอย่าง แล้วเขาก็แอบไปประกวดเองเยอะ”

แป้ง: “ประกวดโดยที่ไม่ได้บอกใคร เพราะชื่อเสียงของคุณพ่อเยอะมันมากมาย กลายเป็นว่าคนที่รักพ่อเหมือนเขาอยากช่วยหนู หนูก็เลยรู้สึกว่า ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้วเราลองเข้าวงการโดยที่ไม่ได้ใช้ชื่อพ่อดีกว่าไหม เป็นการพิสูจน์ตัวเองด้วยค่ะ”

พอทุกอย่างกลับมาสถานการณ์จริง หลาย ๆ คนก็หลงรักแป้ง และหลาย ๆ คนก็ยิ่งรักพ่อในความเป็นแดดดี้ รู้สึกยังไงบ้าง?

เอ: “อันนี้ชื่นใจมาก หนูรู้มั้ยว่า ตอนที่ยังไม่ได้เปิดละครเรื่องแรก “นางฟ้าอสูร” ที่เขาเล่น พ่อเปี๊ยก พิศาลกำกับ แล้วพ่อเปี๊ยกเราก็สนิทและรักกันอยู่แล้ว เราคิดว่าท่านเป็นผู้ใหญ่ เราก็กะว่าจะไปที่กอง แล้วว่าจะไปดูลูก ไปกระซิบบอกพ่อคนแรกว่า ฝากด้วยนะมันคือลูกสาวผม คือมีบางคนนะที่เราพูดได้ บางคนมันพูดไม่ได้ อย่างพ่อเปี๊ยกเราอยากเดินไปบอก แต่พอไปถึงเหมือนเขามีเซนส์ ผมก็ไปนั่งหน้ามอนิเตอร์ พ่อเปี๊ยกก็มาบอกว่า เอไอ้แป้งมันสุดยอดว่ะ บทเป๊ะมาก คือมันทำการบ้านมาดีมาก แต่ XXX ต้องบอกลูกนะว่า อย่าให้เครียดเกินไป พี่ก็เลยบอกเขาไปว่า ครับพ่อ คือเรายังไม่ได้บอกเขาเลย เขารู้ด้วยเซนส์ของเขา แกเป็นผู้ใหญ่เนอะ แต่ผู้ใหญ่บางคนผมบอกแล้วนะ ผมพาลูกไปรู้จักนะ เขาคิดว่าผมแหย่ สุดท้ายมันเลยเป็นความภาคภูมิใจที่ว่า เขาไปที่ไหนก็มีแต่คนรัก แล้วยิ่งตอนนี้ ณ ปัจจุบันนี้ พาเขาไปออกกองด้วย มีแต่คนชม ก็เลยรู้สึกว่าแค่นี้แหละลูกพอแล้ว ไม่เก่งเราฝึกได้ แต่ถ้าเป็นคนดีมีมารยาท มีความน่ารักอยู่ได้นาน”

แป้ง : “พอได้ยิน แป้งดีใจมาก ก็อย่างที่บอกไปแรก ๆ หนูคิดว่าเรื่องครอบครัวของเราก็คงอยู่ไปตลอดชีวิต คือกลัวอย่างเดียวว่า หนูจะทำชื่อเสียงพ่อดร็อปลง มันเหมือนว่าพ่อกำลังงานเยอะ แล้วเราจะเป็นต้นเหตุหรือเปล่าจะเป็นปัญหาหรือเปล่า ปรากฏว่าคนที่รักพ่อ ก็กลายเป็นว่ารักหนูด้วย หนูก็ขอบคุณทุก ๆ คนจริง ๆ นะคะ ที่ทำให้หนูได้มีงานในวงการบันเทิง ก็คาดไม่ถึงเหมือนกันที่จะได้รับงานนั้นมา”

พอได้มาทำงานร่วมกันคาดหวังยังไงในตัวลูกสาวคนนี้ และคาดหวังยังไงในการทำงานร่วมกับพ่อในอนาคต?

เอ: “จริง ๆ แล้วงานอะไรก็ได้ ที่เขาทำแล้วมีความสุข ทุกอย่างจะไม่บังคับ จนต้องบอกว่า ไหวไหมลูก พอไหม พอเถอะ ไม่เป็นไรเดี๋ยวค่อยว่ากันต่อ เขาก็จะบอกว่า หนูไหวค่ะ หนูทำได้ หนูไม่เหนื่อย หนูชอบ ซึ่งบางทีมันมีงานรายการอยู่แล้ว ละครลงมา 4-5 เรื่อง รับหมดเลย ถามว่าจัดคิวได้ไหม เขาบอกได้ เราก็บอกไม่เอาลูก พอแล้วเดี๋ยวสมองเสีย เขาก็บอกว่า ไม่ได้พ่อ โอกาสมันมาแล้ว ผู้ใหญ่เขารักหนู หนูก็ต้องทำ และเขาก็ทำออกมาได้ดีด้วย ก็เลยคาดหวังว่าให้ทุกคนรักแล้วก็เมตตาเขาแบบนี้ตลอดไป แค่นี้แหละครับ มันคือความสุขของเราแล้ว อยู่ที่ไหนก็มีแต่รอยยิ้ม”

แป้ง: “จริง ๆ ก็มีบางคอมเมนต์ที่ว่า เราได้งานเพราะว่าชื่อเสียงพ่อหรือเปล่า ซึ่งหนูก็ยอมรับว่าใช่ แต่หนูมองมุมบวกว่า จะมีสักกี่คนที่ได้ทำงานกับครอบครัวทุกวัน ตลอดปี ตลอดไป แล้วหนูเป็นคนที่ติดครอบครัวมาก หนูมองเรื่องนี้ว่าเป็นความโชคดี และพ่อหนูเก่งขนาดนี้ หนูก็ต้องดูดเอาวิชาเขามา ดูดมาให้หมดแล้วก็มาใส่ที่เรา (หัวเราะ) เพราะหนูว่าเป็นความโชคดีก็เยี่ยมมาก ๆ แล้วค่ะในชีวิต ในการได้เป็นลูกพ่อค่ะ”

ยิ่งได้พูดคุยกับสองพ่อลูกแล้ว ก็ยิ่งชื่นชมในความขยัน อดทนทำงานหนักเพื่อครอบครัวของทั้งคู่ และเชื่อเสมอว่าสาวแป้งและพ่อเอ นอกจากจะมอบความสุขให้กับแฟน ๆ แล้ว จะเป็นต้นแบบของครอบครัวที่รักและซัพพอร์ตซึ่งกันและกันให้
แฟน ๆ เห็นอีกด้วย.

เรื่อง – ภาพ : สมคิด แซ่คู