เริ่มต้นปี พ.ศ. 2565 ด้วยความสดใสกับ “ฟ้อนด์” ณัฐทิชา จันทรวารีเลขา หรือ “ฟ้อนด์ BNK48” สาวน้อยสุดน่ารักที่เต็มไปด้วยพลังงานบวก การพูดคุยครั้งนี้เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ โดยเราได้เห็นฟ้อนด์ โลดแล่นอยู่ในวง BNK48 มา 4 ปีแล้ว จากสาวน้อยวัย 16 ตอนนี้อายุครบ 20 ปีบริบูรณ์เป็นสาวเต็มตัวเรียบร้อย

จุดเริ่มต้นเข้ามาเป็น BNK48 ได้อย่างไร?

“หนูเหรอ ครั้งแรกที่รู้จัก BNK48 ก็คือนั่งอยู่บนรถแม่กับพี่สาวที่เป็นลูกพี่ลูกน้อง แล้วเค้าก็เปิดเพลงหนึ่ง เค้าบอกเนี่ยเพิ่งออกนะ ตอนนั้นหนูยังไม่รู้จัก แต่รู้สึกว่า เฮ้ย…ทำไมมันสดใสจัง อันนั้นคือเพลงคุกกี้เสี่ยงทายค่ะ แต่หนูก็ไม่ได้อะไรนะ หนูก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองจะไปเป็นอะไร แต่ก็แอบอยากทำอะไรแบบนี้เหมือนกัน อยากไปร้องไปเต้น แต่คิดในใจเล่น ๆ เฉย ๆ จากนั้นอยู่ดี ๆ ลูกพี่ลูกน้องอีกคนหนึ่งเป็นผู้ชาย เค้าก็ส่งมาหาแม่ บอกว่ามี BNK48 รู้จักไหม เพลงคุกกี้เสี่ยงทายที่กำลังดังอยู่ เค้าเปิดรับสมัครรุ่น 2 นะ ให้น้องลองไหม แล้วช่วงนั้นหนูกำลังค้นหาตัวเอง ก็จะเดินสายแคสต์ตามที่ต่าง ๆ พวกโฆษณา งานแสดง ตอนนั้นหนูรู้สึกอยากลองมาด้านร้องด้านเต้นบ้าง เพราะว่าตัวเองชอบ ก็เลยตัดสินใจสมัครไป แล้วรู้ไหมคะว่า ครั้งแรกที่กรอกใบสมัคร หนูคิดในใจเลยว่า ต้องเป็นฉันที่เป็นหนึ่งในคนที่ได้เป็น หนูรู้สึกว่า ถ้าเรามีความมั่นใจ คิดว่าเราจะได้ มันก็จะได้ ถึงแม้ตอนนั้นหนูอยู่หัวหิน ปาป๊าหม่าม้าบอกว่า ถ้าติดอะ ต้องย้ายมากรุงเทพฯเลยนะ ชีวิตเราจะพลิกผันเลยนะ หนูรู้สึกว่าลองสักตั้ง อยากติด ๆ”

เล่าบรรยากาศตอนออดิชั่นให้ฟังหน่อย

“เอาตรง ๆ จำไม่ค่อยได้ แต่ว่าครั้งแรกส่งเป็นรูปไปก่อน บรรยายเกี่ยวกับตัวเรา หลังผ่านรอบแรกก็ให้อัดคลิปที่ทุกคนได้เห็นกันในยูทูบช่วงแรก ๆ ที่เปิดตัวแคนดิเดต แล้วพอผ่านเข้ารอบอีก ก็ไปตู้ปลา ไปโน่นไปนี่ ซึ่งบรรยากาศก็ตื่นเต้น จำได้เลย อยู่แถว ๆ สตางค์บ่อยมาก แล้วสตางค์เล่นกีตาร์ซ้อมคุกกี้เสี่ยงทายอยู่ข้าง ๆ กดดันมาก ๆ เพราะเรารู้สึกว่า ทำไมสตางค์เก่งจังเลยนะ เป็นบรรยากาศที่ตื่นเต้นที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตค่ะ”

ตอนที่ประกาศผลว่าเราได้เป็นรุ่น 2 รู้สึกยังไงบ้าง?

“ดีใจ ตื่นเต้นกับชีวิตที่จะเปลี่ยนไป เพราะอย่างที่บอก ถ้าเราติดเนี่ย เราต้อง ย้ายที่เรียนใหม่ เปลี่ยนที่อยู่ คือเปลี่ยนทุกอย่าง เพราะตอนแรกอยู่หัวหิน ต้องย้ายไปอยู่กรุงเทพฯ แล้วเราก็ จะไม่ได้อยู่กับปาป๊ากับน้อง ๆ นะ ต้องย้ายไปอยู่กับแม่แค่ 2 คน ใจหนึ่งดีใจ อีกใจหนึ่งก็ตื่นเต้นว่าชีวิตเราจะเป็นยังไง”

ฟ้อนด์อยู่ BNK 48 มากี่ปีแล้ว?

“เกือบจะ 4 ปีแล้ว”

ฟ้อนด์ตอนแรกที่เข้าวงใหม่ ๆ กับฟ้อนด์คนปัจจุบัน มีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง?

“หนูว่าแฟนคลับก็น่าจะสังเกตเห็นว่า หนูเปลี่ยนไปเยอะมาก หนูรู้สึกว่าตัวเองเปลี่ยนไปเยอะ อันดับแรกคือ หนูโตขึ้นเยอะมาก ด้านการพูดก็โตขึ้น หรือลักษณะภายนอก รู้สึกนิ่งขึ้น หนูยอมรับว่าตอนแรก ๆ เป็นเด็กที่สดใส ตอนนี้ก็ยังสดใสอยู่เหมือนเดิม แต่รู้สึกโตขึ้นในอีกระดับหนึ่ง ตอนนั้นเหมือนหนูยังหาตัวเองไม่ค่อยเจอ หนูคิดว่าตัวเองเป็นอย่างโน้นอย่างนี้นะ แต่พอกลับไปดูตัวเอง หนูรู้สึกว่ามันไม่ได้เป็นเราขนาดนั้น หนูไม่ชอบที่เห็นตัวเองเป็นอย่างนั้น ก็เลยเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ พอเราอยู่ในวง เราเจอประสบการณ์ต่าง ๆ หล่อหลอมให้เราโตขึ้น ก็กลายเป็นฟ้อนด์คนปัจจุบันนี้ ซึ่งก็เป็นฟ้อนด์คนเดิม แค่มีความสุขุมยิ่งขึ้น โตขึ้น แต่ก็ยังมีความสดใส”

ไอดอลในแบบของฟ้อนด์ต้องเป็นยังไงบ้าง?

“ไอดอลในแบบของหนู ไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่มีชื่อเสียงมาก่อนก็ได้ เป็นคนปกติสามัญธรรมดาก็เป็น ไอดอลได้ แค่เป็นคนที่เวลาเรามองเค้าแล้ว มันไม่บั่นทอนจิตใจเรา หรือทำให้เรารู้สึกกดดัน แต่เวลาเรามองเค้า มันทำให้เรารู้สึกมีกำลังใจ หรือมีแรงบันดาลใจที่จะพัฒนาหรือเปลี่ยนแปลงตัวเองในทางที่ดีขึ้น คนนั้นก็คือเป็นไอดอลของเราแล้ว”

จุดสูงสุดของการเป็น BNK48 สำหรับฟ้อนด์คืออะไร?

“อืม.. นั่งคิดอยู่นานเหมือนกัน ตอนแรกคิดไม่ออก แต่ตอนนี้คิดออกแล้ว หนูรู้สึกว่า ในอนาคต รุ่นใหม่ ๆ ที่เค้าพูดถึงวง BNK48 อยากให้เราคือหนึ่งในตำนานที่เค้าจะพูดถึงค่ะ อยากให้เวลาพูดถึง BNK48 ก็จะมีเราอยู่ในนั้นด้วย เป็นตำนานในสิ่งดี ๆ ที่เค้าพูดกัน
แพร่หลาย แล้วก็จะเป็นตำนานตลอดไป รู้สึกว่าน่าจะเป็นจุดสูงสุด”

มองภาพอนาคตตัวเองกับ BNK48 เอาไว้อย่างไรบ้าง?

“หนูเคยคิดนะ คิดบ่อยด้วย แต่สุดท้ายคิดไปคิดมา ตอนแรกก็คิดว่า อยากเป็นเซ็นเตอร์สักเพลงหนึ่ง เป็นเซ็นเตอร์เดี่ยวโน่น.. นี่.. นั่น.. หรืออยากจะมีงานโน่น.. นี่.. นั่น.. คิดไปคิดมาหนูรู้สึกว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ มองอนาคตแค่ความรู้สึกของเราเฉย ๆ อะค่ะ แค่อยากให้เรามีความสุขกับทุก ๆ โอกาสที่เราได้รับ อันนั้นหนูว่ามันสำคัญที่สุดแล้ว ถ้าเราไม่มีความสุข แล้วเราจะอยู่ตรงนี้ต่อไปได้ยังไง แค่อยากโฟกัสตรงความรู้สึกของเราแค่นั้น”

ฟ้อนด์ชอบฟังเพลงแนวไหน?

“จริง ๆ เสียงเพลงคือสิ่งหนึ่งที่ทำให้หนูมีความสุขมาก เพราะฉะนั้นหนูก็จะฟัง แต่หนูเป็นคนที่ไม่ค่อยฟังเพลงใหม่ ๆ แปลกมาก หนูเป็นคนชอบฟังเพลงเก่า ๆ แล้วแนวเพลงที่หนูชอบฟังเนี่ย จริง ๆ ชอบฟังเพลงคลาสสิกด้วย ที่ไม่มีคนร้อง แบบแจซซ์คลาสสิก บรรเลง แต่ว่าถ้ามีเนื้อร้องทำนอง ชอบฟังเพลงเศร้า ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน หนูฟังเพลงเศร้าแล้วอารมณ์ดีนะ หนูก็ไม่เข้าใจตัวเอง แต่ว่าชอบมาก ๆ เป็นเพลงเศร้าที่ไม่ช้าเกินไป แล้วก็ไม่เร็วเกินไป เป็นเพลงเศร้าที่มีบีทหนัก ๆ แล้วก็ชอบฟังเพลงเก่า ๆ”

ฟ้อนด์ชอบเพลง BNK48 เพลงไหนบ้าง?

“เพลงแรก จาบาจา Jabaja เพราะเราเป็นเซ็นเตอร์ เราก็ต้องเลือก เราก็ต้องภูมิใจในสิ่งที่เราเป็น เพลงที่ 2 หนูขอเป็น ฤดูใหม่ Tsugi no Season ละกัน รู้สึกว่าทุกครั้งที่ฟังเพลงนี้ ร่างกายมันไปเอง อยู่ดี ๆ มันก็จะเต้นเอง แล้วพอเราได้เต้น เรารู้สึกมีความสุข แล้วก็ สายซับ กับ มปร. ก็เป็นเพลงเศร้าเหมือนกัน หนูชอบฟังเพลงแนว ๆ นี้ เพลงเศร้า เพลงอบอุ่น เพลงช้า ๆ”

ตั้งแต่เข้ามาอยู่ BNK48 ฟ้อนด์ได้ทำอะไรหลายอย่างมาก ชอบอะไรมากที่สุด?

“คำถามนี้หนูก็ไม่เคยที่จะตอบได้เลย และหนูก็ยังยืนยันคำเดิมว่าหนูไม่สามารถเลือกได้ มันไม่สามารถเลือกได้ระหว่างร้อง เต้น หรือแสดง 3 อย่างนี้มันคนละฟีล ถ้าร้องกับเต้น หนูจะมีความสุขเวลาที่ได้ทำ ส่วนแสดง หนูรู้สึกว่ามันเป็นความชอบ ทำแล้วมันสนุก ก็เลยไม่สามารถเลือกได้ ชอบทุกอย่าง ต้องมีงานทุกอย่าง (หัวเราะชอบใจ)”

ตอนนี้ฟ้อนด์อายุ 20 แล้ว มีความฝันอะไรใหม่ ๆ หรือความกังวลใจเกี่ยวกับอะไรบ้างไหม?

“มี.. พอ 20 แล้วเราควรที่จะมีความมั่นคงในชีวิต เรามีความฝัน ตอนเด็กหนูแพลนเลยว่า ต้องรีบหาเงินให้ได้ตั้งแต่เด็ก ๆ อยากพาพ่อแม่ไปเที่ยว นี่เป็นจุดเริ่มต้นเลยที่ทำให้หนูอยากเข้า BNK48 มันก็มีสิ่งที่กังวลเยอะอยู่ ตรงนี้มันเป็นอาชีพที่ไม่ได้มั่นคงขนาดนั้น ก็เลยมีเป้าหมายอยากมีสักหนึ่งธุรกิจในปีนี้ เพราะหนูก็เรียนการบริหาร เรียนเกี่ยวกับการเป็นเจ้าของธุรกิจ ปีนี้เราต้องจริงจังแหละ เราต้องมีธุรกิจเป็นของตัวเอง ต้องมีอะไรที่มันมั่นคงมากขึ้น”

ฟ้อนด์เป็นคนที่จริงจังกับการเรียนมาก ตอนนี้เรื่องการเรียนเป็นยังไงบ้าง?

“หนูจริงจังกับการเรียนนะ แต่ไม่ได้เรียนอย่างเดียว หนูเป็นคนที่ชอบเรียนควบคู่กับการทำงานไปด้วย มันจะทำให้การเรียนของหนูมีความสุขและสนุกมากยิ่งขึ้น เป็นอย่างงี้ตั้งแต่อยู่ประถมแล้ว หนูเรียนอย่างเดียวไม่ได้ ตอนประถมก็จะทำกิจกรรมไปด้วย เป็นนางรำ หนูรู้สึกว่าเราจะหัวแล่นในเรื่องเรียนมากยิ่งขึ้นด้วยค่ะ แล้วเทคนิคของหนูก็คือ ต้องตั้งใจอ่านหนังสือเยอะ ๆ ก่อนสอบ แล้วก็ก่อนที่จะสอบ หนูจะไม่แตะหนังสือเลย อย่างน้อยครึ่งชั่วโมงถึงหนึ่งชั่วโมง เพื่อให้สมองแล่น ควรแบ่งเวลา ทำสิ่งที่เรารักควบคู่กันกับการเรียนไปด้วย มันเป็นเทคนิคที่ดี ทำให้ชีวิตไม่น่าเบื่อ บาลานซ์มัน แล้วมันจะมีความสุขกับทุกอย่าง มันจะไม่เครียด”

โมเมนต์ไหนคือโมเมนต์ที่ดีที่สุดของฟ้อนด์หลังได้เข้ามาอยู่ BNK48?

“ได้เลย หนูมีเลย… มีหลายโมเมนต์ได้ไหม โมเมนต์แรกเวลาที่เราได้เจอแฟนคลับเยอะ ๆ แล้วเวลาเขาเรียกชื่อเราว่า ฟ้อนด์ ๆ อันนั้นคือรู้สึกประทับใจทุกครั้ง แล้วตอนนี้คิดถึงมาก ๆ อยากเจอโมเมนต์แบบนั้นอีก มันเป็นความฝันของเราตั้งแต่เด็ก มันประสบความสำเร็จแล้ว อีกอย่างหนึ่งก็คือ ชอบช่วงเวลางานหนัก ๆ ค่ะ หนูเป็นบ่อยมากช่วงเวลา 2 ปีที่แล้ว เรียนครึ่งวันมาทำงาน ทำงานจนถึงดึกไปซ้อมต่อ ซ้อมเสร็จปุ๊บ พรุ่งนี้มีอีเวนต์ อีเวนต์ไม่พอ อีกวันไปถ่ายซีรีส์ อีกวันถ่ายโฆษณา หนูชอบเวลางานเยอะ ๆ แล้วงานไม่เหมือนกัน มันเหนื่อยแต่มันสนุก แล้วมันท้าทาย อนาคตเรากลับมามองชีวิตในตอนนั้น เฮ้ย… เราผ่านมันมาได้ เราเก่งมากเลยนะ ทำได้ตั้งแต่อายุเท่านี้ อีกอย่างก็คือเวลาได้ไปเที่ยวต่างประเทศกับเมมเบอร์ ก่อนหน้าที่จะเข้าวง ไม่ค่อยได้ไปเที่ยวต่างประเทศ พอเข้าวงได้ไปเที่ยวต่างประเทศเยอะขึ้น แล้วมันสนุก ได้เปิดประสบการณ์หลาย ๆ อย่าง เยอะมาก ๆ เจอหิมะครั้งแรกในชีวิต เพราะเข้ามาอยู่ในวง อยากไปประเทศที่มีหิมะอีกเยอะ ๆ มาก ๆ รู้สึกชอบมาก ๆ”

ปี 2022 ของฟ้อนด์ แพลนอะไรไว้บ้าง?

“อันดับแรกความสุขแล้วกันค่ะ เป็นสิ่งแรกที่แพลนไว้ อยากมีความสุขมาก ๆ คือปีนี้เจออะไรหลายอย่าง ก็อยากมีความสุขให้มากกว่าปีนี้ อยากให้คนรอบข้างมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง จริง ๆ แพลนไว้ว่า อยากจะมีโอกาสได้ไปเที่ยวสักหนึ่งประเทศ หวังว่าจะได้ไป ปกติตั้งแต่เข้าวงมา เราก็จะได้ไปเที่ยวต่างประเทศ อยากไปอเมริกา เพราะมันค้างคามาตั้งแต่โปรเจคท์ของ Lyra ที่จะได้ไปเทรนที่อเมริกา ก็ไม่ได้ไป ก็เลยรู้สึกอยากไปอเมริกา จริง ๆ อยากไปทำงานมากกว่าเที่ยว อยากไปอยู่เป็นเดือน ไปซ้อมหนัก ๆ ชอบ”

ไอดอลของฟ้อนด์ในตอนนี้คือใคร?

“เนี่ย.. เวลามีคนถามคำถามนี้หนู หนูไม่เคยตอบได้เลย เพราะหนูชอบทุกคนไปทั่ว ไม่ได้มีคนไหนเป็นพิเศษ ก็เลยไม่สามารถตอบได้ แล้วหนูก็จะชอบตอบว่า อ้อ.. ตัวเองค่ะเป็นไอดอล เพราะว่าชอบมองกระจกแล้ว เออ… แกเก่งนะ โน้น..นี่.. ซึ่งจริง ๆ แล้วหนูว่ามันก็ถูกนะ การที่เราชมตัวเองบ่อย ๆ หรือให้กำลังใจตัวเอง มันเหมือนเป็นพลังงานดี ๆ กับตัวเอง ซึ่งก็ตอบไม่ได้ว่าใครเป็นไอดอล ตอบตัวเองแล้วกัน”

จุดเริ่มต้นของการเป็นคนชอบทานเผ็ด?

“น่าจะเป็นสภาพแวดล้อม ปาป๊าหนูเป็นคนชอบกินเผ็ดมาก ขณะที่มาม๊ากินจืด ตรงข้ามกันเลย แต่หนูก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงไปซึมซับพ่อมา ก็เลยชอบกินเผ็ดตั้งแต่เด็ก ๆ หนูสั่งส้มตำพริก 2 เม็ดตั้งแต่อายุ 2 ขวบ น่าจะเห็นผู้ใหญ่เค้ากินเผ็ดกันได้ เราก็ต้องกินได้ คิดว่านะ”

จะเรียนต่อปริญญาโทหรือต่อด็อกเตอร์ไหม?

“ก็คิดไว้อยู่นะคะ แต่ยังไม่ได้คิดจริงจังขนาดนั้น แต่คิดว่า ก็อยากจะเรียนควบคู่กับการทำงาน ให้จบโท คืออยู่ในวงไปด้วยเรียนไปด้วย”

พูดถึงโปรเจคต์ 48th Game Caster ฟ้อนด์อยากแคสเกมอะไรบ้าง?

“อยากเล่นเกม Home Sweet Home เกมผีอะไรอย่างเงี้ย หรือเกมวิชาการไปเลย

ถ้าฟ้อนด์มีเวลา 8 วินาทีที่จะได้จับมือและคุยกับใครก็ได้บนโลกใบนี้ อยากจับมือใคร? และพูดอะไรกับเขา?

“มันยากอีกแล้ว งั้นจับมือตัวเองได้ไหมค่ะ แล้วอยากจะบอกตัวเองว่า เก่งแล้ว เก่งมาก ๆ แล้วก็จะมีสิ่งดี ๆ เข้ามาหาหนูอีกเยอะ ๆ ต่อจากนี้ อยากให้กำลังใจตัวเองมากกว่า”

ฟ้อนด์อวยพรปีใหม่แฟน ๆ เดลินิวส์หน่อย

“สวัสดีปีใหม่ 2565 แฟน ๆ เดลินิวส์ทุกคนนะคะ ก็ขอให้ทุกคนมีความสุข ขอให้มีแต่สิ่งดี ๆ เข้ามา ใครที่กำลังจะเริ่มต้นอะไรใหม่ ๆ ก็ขอให้ประสบความสำเร็จนะคะ แล้วก็มีความสุขในทุก ๆ วัน สำคัญที่สุด รวมไปถึงมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงนะคะ สุขสันต์วันปีใหม่นะคะ”.

เรื่อง : วุฒิ พิศาลจำเริญ ภาพ : ประพนธ์ ปัญหา