“14 รูปแบบอาชญากรรมทางเทคโนโลยี” ที่ล่าสุดตำรวจไซเบอร์ ขอความร่วมมือ กสทช.และผู้ให้บริการ เครือข่ายโทรศัพท์มือถือ แจ้งข้อความเตือนภัยประชาชน ท่ามกลางเหยื่อรายแล้วรายเล่าที่ถูกหลอกเป็นว่าเล่น ประกอบด้วย

1.หลอกขายของออนไลน์ 2.คอลเซ็นเตอร์ ข่มขู่ให้เกิดความกลัว 3.เงินกู้ออนไลน์ ดอกเบี้ยโหด 4.เงินกู้ออนไลน์ ที่ไม่มีจริง 5.หลอกให้ลงทุนต่างๆ 6.หลอกให้เล่นพนันออนไลน์ 7.ใช้ภาพปลอมหลอกให้หลงรักแล้วโอนเงิน หรือ หลอกให้ลงทุน 8.ส่งลิงก์ปลอมเพื่อหลอกแฮกเอาข้อมูลส่วนตัว

9.อ้างเป็นบุคคลอื่นเพื่อหลอกเอาข้อมูลส่วนตัว 10.ปลอมไลน์ เฟซบุ๊ก หลอกยืมเงิน 11.ข่าวปลอม 12.หลอกลวงเอาภาพโป๊เปลือยเพื่อใช้แบล็กเมล์ 13.โฆษณาชวนไปทำงานต่างประเทศแล้วบังคับให้ทำงานผิดกฎหมาย และ 14.ยินยอมให้ผู้อื่นใช้บัญชีธนาคาร (บัญชีม้า)

ข้างต้นนี้ต้องย้ำว่าปัจจุบันถือเป็น “มิจฉาชีพสามัญ” ในโลกออนไลน์

สัปดาห์ที่ผ่านมามีภาพจับกุมใหญ่ “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” ทั้งในและต่างประเทศ ขณะเดียวกันก็มีเหยื่อรายใหม่ต้องสูญเงินจำนวนมากชั่วพริบตา เช่นกรณีภรรยาเจ้าของวงหมอลำชื่อดัง หลงเชื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกโอนเงินกว่า 2 ล้านบาท “หายวับ”

น่าเห็นใจ เพราะเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ส่วนใหญ่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ไม่ได้เสี่ยงร่วมลงทุน แต่อีกส่วนต้องยอมรับว่าพาตัวไปอยู่ในจุดอันตรายเพราะหวังค่าตอบแทนสูง

และเพราะการหลอกลวงที่ใช้วิธีง่าย ๆ แค่จี้จุดความกลัว หรือความโลภก็ได้เงินจำนวนมากอย่างรวดเร็ว ทำให้มิจฉาชีพนี้ “ฆ่าไม่ตาย” สังเกตได้จาก “มูลค่าความเสียหาย” เฉพาะที่เพิ่งทลายฐานปฏิบัติการในประเทศกัมพูชา พร้อมกัน 3 จุด มูลค่าเสียหายรวมกันกว่าพันล้านบาท!!!

จุดที่ 1 อาคาร Y.N Hotel กรุงพนมเปญ ฐานปฏิบัติการลักษณะเป็นอาคาร 9 ชั้น ชั้น 4-8 ใช้เป็นสถานที่พัก ชั้น 9 เป็นสถานที่ทำงาน มีคนจีนเป็นหัวหน้าและผู้ควบคุม หลอกลวงให้ร่วมลงทุนซื้อขายเหรียญสกุลดิจิทัล ความเสียหายกว่า 200 ล้านบาท จุดนี้จับผู้ต้องหาได้ 2 คน

จุดที่ 2 อาคารตรงข้าม Sokha Vegas Caniso ในเมืองพระสีหนุ ฐานปฏิบัติการลักษณะเป็นอาคาร4ชั้น ชั้นบนใช้เป็นที่พักและทํางาน มีคนจีนเป็นผู้ควบคุมสั่งการใช้วิธีโทรศัพท์ไปหลอกลวงคนไทย แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตํารวจและกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ความเสียหายกว่า 300 ล้านบาท จุดนี้จับกุมผู้ต้องหาได้ 6 คน

จุดที่ 3 อาคาร Chinatown GM Office ในเมืองพระสีหนุ มีการพักและทำงานในสถานที่เดียวกัน พฤติกรรมชักชวนลงทุนหลอกเล่นเกมแบบพิชิตเป็นภารกิจ อ้างตัวเป็นเครือข่ายห้างดัง และบริษัทพลังงาน ความเสียหายกว่า 500 ล้านบาท จุดนี้จับกุมผู้ต้องหาได้ 13 คน

ขณะที่ภายในประเทศเพิ่งมีปฏิบัติการทำลายฐานเป้าหมายครั้งใหญ่ เป็นหอพักพื้นที่ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี สภาพอาคาร 2 ชั้น ชั้นบนเป็นที่พักพนักงาน ชั้นล่างเป็นที่ทำงาน พฤติกรรมชักจูงร่วมลงทุนการพนันผ่านเฟซบุ๊ก และไลน์ โดยแอดมินจะสร้างเฟซบุ๊กเพื่อโฆษณาว่าเป็นนักพนันคาบาร่า มีสูตรการโกง ทำทีขอความร่วมมือร่วมทุนแลกผลตอบแทนสูง มีการทำเว็บไซต์หลอกว่าเล่นพนันชนะ ส่ง user name และ password ไปเว็บที่โฆษณาให้เห็นว่ามียอดเงินจริง จากนั้นโน้มน้าวขอค่าสูตรปั่นบาคาราเพื่อจะได้มีเงินเพิ่มขึ้น ผลการตรวจค้นพบผู้ต้องกระทำผิดมากถึง 66 คน บัญชีธนาคาร 50 เล่ม มีเงินหมุนเวียนกว่า 200 ล้านบาท

รูปแบบการทำงานไม่ต่างจากฐานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่จับได้ในประเทศกัมพูชานั่นคือ พักและทำงานในอาคารปิดที่เดียวกัน

แม้จะกวดจับต่อเนื่อง แต่ตราบใดที่รายได้ยังงาม กระเป๋าเงินยังไม่ถูกทำลาย ตัวการใหญ่ยังลอยนวล ก็ยากจะหยุดความเดือดร้อน.

ทีมข่าวอาชญากรรม รายงาน

[email protected]