ที่สุด มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ อดีต หน.พรรคเศรษฐกิจใหม่ ก็ประกาศลาออกกลางสภา หลังจบการอภิปรายทิ้งทวนไม่ไว้วางใจ พล..ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตาม ม.151 โดยไม่มีการลงมติ ระหว่าง 17-18 ก.พ.ที่ผ่านมา อย่างที่รู้ แม้จะหิ้ว “ส..นกแล” เข้าสภาได้ถึง 6 คน แต่แล้วก็ฝ่าดง “กล้วย” ไม่ไหว มิ่งขวัญ ถูกลูกพรรคตัวเองลอยแพ ย้ายไปซบฝ่ายรัฐบาลจนหมด ไม่ได้แคร์ความรู้สึกของผู้ที่นำพาตัวเองเข้ามานั่งชูคอในสภาแม้แต่น้อย

ถามจริง จนป่านนี้มีใครจำชื่อเสียงเรียงนาม ส.ส.ในพรรคเศรษฐกิจใหม่ได้มั่ง นอกจากชื่อ มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์

กลางสภาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ กับคำพูดที่อัดแน่นในหัวอกมานาน สมควรบันทึกไว้ใน สัปปายะสภาสถาน แห่งนี้ มิ่งขวัญ บอกว่า เพราะ รธน.เปิดโอกาสให้ ส.ส.ไม่ต้องทำตามมติพรรค ทุกคนอยากอยู่ตรงไหนก็อยู่ เคยถามกก.บริหารทุกคนว่า จะอยู่ตรงไหน ทุกคนบอกจะไม่ร่วม รบ. กับ พล.อ.ประยุทธ์ “พล.อ.ประยุทธ์ ทำให้เกิดศัพท์ใหม่ 2 คำ งูเห่า และลิงกินกล้วย ท่านไปทำอะไรหรือให้ใครไปทำอะไร เหตุใดพวกเขาจึงเปลี่ยนจุดยืน 2 ปีเศษ ผมไม่มีความสุขกับการทำงาน เพราะสัญญาที่ผมให้ไว้กับประชาชนไม่สามารถทรยศได้ ผมขอยื่นใบลาออกเพื่อให้มันจบ”

ดีใจนะ ที่มิ่งขวัญยืนยันจะเตรียมตัวเพื่อการเลือกตั้งสมัยหน้า นักการเมืองที่ไม่ทรยศต่ออุดมการณ์และสัญญาที่ให้ไว้ ก็สมควรมีที่ยืนต่อไป การลาออกของ มิ่งขวัญ ยังตอกย้ำ รธน.อัปยศปี 60 จงใจร่างมาทำให้พรรคการเมืองอ่อนแอถึงขีดสุด สภาเต็มไปด้วยงูเห่า ส.ส.ขายตัว ขายวิญญาณ เกิดเทศกาล “เทกระจาด” เห็นคาตา ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง ก็แค่นิทานโกหกตอแหลเท่านั้น

ต้องช่วยกันล้ม รธน.อัปยศนี้ให้ได้

ผลจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจหนนี้ รังสิมันต์ โรม ส.ส. พรรคก้าวไกล ทำหน้าที่ได้ยอดเยี่ยม และกล้าหาญ “ความอยุติธรรมและความโหดเหี้ยมอำมหิตของขบวนการค้ามนุษย์” ในประเทศ ที่มี พล...ปวีณ พงศ์สิรินทร์ อดีต หน.ทีมสืบสวนคดีค้ามนุษย์ที่ต้องลี้ภัยไปอยู่ออสเตรเลีย เป็นเทียนไขส่องสว่าง ทำให้ความจริงได้ถูกนำมาเปิดเผยกลางสภาอีกครั้ง

ด้วยการทำการบ้านอย่างดี ย้อนรอยถึงคดีที่ไม่น่าเชื่อว่า จะมีการฆ่าโหดชาวโรฮีนจาที่กลางป่า ปาดังเบซาร์ จ.สงขลา ถึง 30 กว่าศพ คนที่รอดก็อยู่ในสภาพพิการเพราะถูกบังคับให้นั่งยอง ๆ ไม่ให้ลุกไปไหน จนที่สุดเดินไม่ได้ กินใบไม้เป็นอาหาร การทำคดีอย่างหาญกล้าและซื่อตรงต่ออาชีพตำรวจของ พล.ต.ต.ปวีณ ทำให้ในที่สุด มีการจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมด 103 คน และที่สุด ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งลงโทษจำเลยทั้งหมด 55 คน ติดคุกตั้งแต่ 27 ปี-82 ปี นักโทษคนสำคัญ พล.ท.มนัส คงแป้น อดีตผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก ที่ถูกศาลสั่งจำคุก 27 ปี เสียชีวิตในคุกด้วยเพราะโรคหัวใจวาย เกิดคำถาม ใครกันแน่อยู่เบื้องหลังขบวนการ “ค้ามนุษย์” สุดอื้อฉาวและอัปยศในครั้งนี้?!?

หากไม่ใช่เพราะการนำไปพูดในสภาของ รังสิมันต์ โรม ชื่อ พล...ปวีณ ก็คงถูกกลืนหายไปกับกาลเวลา แม้จะให้สัมภาษณ์ต่อมาว่า ได้รับความยุติธรรมคืนมาครึ่งหนึ่ง แต่ก็อยากกลับบ้าน อยากได้คืนความเป็นธรรม ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ บอกว่า ก็กลับมาสิ มาร้องเรียนตามขั้นตอน บ้านเมืองมีขื่อมีแป ไม่มีใครบังคับให้ออกไป จริงใจพร้อมแก้ไขในสิ่งผิดหรือไม่ ใครตอบหน่อยเถอะ

“ระบบที่เป็นอยู่มันกัดกินทำลายคนทำงานและประเทศชาติ” คือบทสรุปของ พล.ต.ต.ปวีณ ทำไมนายตำรวจที่น่าจะได้รับการปูนบำเหน็จใหญ่หลวง กลับถูกสั่งย้ายไปในพื้นที่ที่ขบวนการค้ามนุษย์มีอิทธิพล เหมือนให้ไปตาย แม้จะอุทธรณ์ก็ไม่เป็นผล ในชีวิตที่ใกล้วัยเกษียณกลับต้องไร้แผ่นดินอยู่ ต้องไปเป็นคนแปลกหน้าอยู่ต่างบ้านต่างเมือง คำถามที่คนไทยสมควรฉุกคิดจริงจัง

ระบบราชการประเทศนี้ต้องได้รับการปฏิรูปอย่างหนัก หรือยัง.

—————–
ดาวประกายพรึก