มีข่าวลอยออกมาว่าหากตัวเลขติดเชื้อโควิด-19 เข้าใกล้ 20,000 คน/วัน อาจจะต้องตุนบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ไข่ไก่ ข้าวสารอาหารแห้ง เพราะต้องมีการ “ล็อกดาวน์” เข้มข้นรุนแรงเหมือนเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน

แต่การสั่ง “ล็อกดาวน์” ถึงขั้นนั้น คงต้องพิจารณาผลกระทบหลาย ๆ ด้าน ทั้งเรื่องเศรษฐกิจปากท้อง และใครจะดูแลถ้าห้ามประชาชนออกจากบ้าน แค่รัฐบาลทำอยู่ในปัจจุบันเศรษฐกิจก็วอดวายวันละหลายหมื่นล้านบาทอยู่แล้ว

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม รู้ว่าคนไทยมีหนี้ครัวเรือนสูงกว่า 90% ของจีดีพี ส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ในระบบก็สูงท่วมธนาคาร ไม่ต้องพูดถึงธุรกิจขนาดย่อม (SME) พังหมดแล้ว จากที่เคยมีคนขอเงินรัฐบาล 2 แสนล้านบาท เพื่อไปอุ้ม SME แต่ตอนนี้ใช้เงิน 1 ล้านล้านบาทคงไม่พอ เนื่องจากใกล้ตายกันทั้งนั้น

แต่ที่น่าห่วงคือปัญหาหนี้นอกระบบสูงมาก เพราะประชาชนทำมาหากินกันไม่ได้ แต่ยังต้องกินต้องใช้เหมือนเดิม จึงต้องไปกู้หนี้นอกระบบ แต่หาเงินไปส่งดอกเบี้ย ส่งเงินต้นไม่ทัน สุดท้ายก็ต้องฆ่าตัวตายหนีหนี้

ปัจจุบันเครื่องจักรทางเศรษฐกิจดับทุกตัว ไม่ว่าจะเป็นการลงทุน การท่องเที่ยว การส่งออก โดยการลงทุนและการท่องเที่ยวเงียบสนิทจริง ๆ ปัจจุบันยังไม่มีนักลงทุนที่ไหนเข้ามาจับจองพื้นที่โครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษ (EEC) ทั้งที่มีการตีปี๊บ! มาตั้งแต่ยุคทีมเศรษฐกิจของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์

ส่วนธุรกิจท่องเที่ยวนั้น เจ้าของโรงแรม-รีสอร์ทในภูเก็ต ประมาณ 80% ตัดสินใจปิดกิจการชั่วคราวตั้งแต่ปลายปี 63 แล้วปล่อยลูกน้องกลับบ้านต่างจังหวัด ปล่อยเชฟฝีมือดีกลับประเทศ จากนั้นก็ไปคุยกับธนาคารเพื่อขอพักชำระหนี้ ซึ่งธนาคารก็ไม่อยากยึดโรงแรม-รีสอร์ทเหล่านี้เข้ามาเป็นภาระ

ขณะที่ภาคส่งออกพอมีลมหายใจเข้ามาบ้างช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา เพราะได้อานิสงส์ค่าเงินบาทอ่อนตัวลงมาอยู่ที่ 32 บาทกว่า ๆ/ดอลลาร์ แต่ไม่รู้ว่าจะยืนระยะไปได้นานแค่ไหน โดยเฉพาะสินค้าไทยมีราคาแพงกว่าสินค้าเวียดนาม-อินเดีย

เห็นได้ชัดเจนคือการส่งออกข้าว ปัจจุบันไทยตกลงมาอยู่อันดับ 5 ของโลก จากที่เคยส่งออกข้าวปีละกว่า 11 ล้านตัน ตอนนี้เหลือแค่ 5 ล้านตันกว่า ๆ

“พยัคฆ์น้อย” ได้ข่าวว่าข้าวนาปรังในหลายจังหวัดกำลังจะเก็บเกี่ยว จากช่วงปลายเดือน มิ.ย. 64 ราคาข้าวเปลือกอยู่ที่ตันละ 7,500 บาท แต่กลางเดือน ก.ค. ที่ผ่านมาหล่นลงมาเหลือตันละ 6,500 บาท หนักไปกว่านั้นคือโรงสีส่วนใหญ่ไม่เปิดรับซื้อข้าวเปลือก ถ้าเลยจากวันเข้าพรรษาไปแล้วมีฝนตกชุก ข้าวเปลือกเปียกชื้นสูง พี่น้องชาวนาจะเดือดร้อนกันหนัก

ไม่ทราบว่า พล.อ.ประยุทธ์ รวมทั้ง นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ และ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ทราบปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนส่วนใหญ่ทุกสาขาอาชีพกันบ้างหรือเปล่า?

เนื่องจากก่อนโควิด-19 จะมาเยือน รัฐบาลบริหารเศรษฐกิจล้มเหลว ทำให้มีสภาพรวยกระจุก จนกระจาย แต่พอมีโควิด-19 ปัญหายิ่งหนักหน่วง เนื่องจากรัฐบาลทำให้คนมีข้าวกินแบบเท่าเทียมกันไม่ได้ ไม่เช่นนั้นพรรคพลังประชารัฐจะคิดโครงการแจกข้าว 1 ล้านกล่องออกมาได้หรือ?

รัฐบาลนี้ไม่สามารถหาวัคซีนดี ๆ มาฉีดอย่างเท่าเทียมกัน ทั้งคนรวย-คนจนจึงตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกันทั้งหมด

ณ ปัจจุบันจึงต้องบอกกับ “ผู้นำประเทศ” ว่าต่อจากนี้ไปอย่าเอ่ยปาก “เสียใจ-ขอโทษ” เพราะคงไม่พอแล้ว! เนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์ เดินไปไกลเกินกว่าที่คนไทยจำนวนมากมายมหาศาลที่เดือดร้อนทุกข์ทรมานจะให้อภัย!!.

—————
พยัคฆ์น้อย