ชาวเน็ตเรามักจะเห็น meme หรือภาพล้อเลียนภาพหนึ่ง ซึ่งมาจากหนังตลก “หอแต๋วแตก” ภาค 2 เป็นตอนที่คณะของเจ๊แต๋วไปไหว้ศาลพระภูมิ แล้วมีฉากที่ เอกชัย ศรีวิชัย ในชุดแต่งหญิงสไตล์ทองกวาว มนต์รักลูกทุ่ง จับผิด ติ๊ก กลิ่นสี ในบทคุณหญิงพะยูน บอกว่า “หล่อนมีพิรุธอีกแล้วนะยะ” แล้วคุณหญิงพะยูนก็ลอกแลก ไม่ยอมสบตา บอกแค่ว่า “พิรุธอะไร” meme นี้เอามาใช้กันบ่อยๆ เวลาจะจับโป๊ะใครในโลกโซเชียล

ตอนนี้ก็เห็นมีเรื่องแนวๆ “หล่อนมีพิรุธนะยะ” ที่ชาวเน็ตกำลังเกาะติดแบบเรียลไทม์ คงไม่พ้นเรื่องของดาราสาว “แตงโม-นิดา พัชรวีระพงษ์” ซึ่งตกน้ำเสียชีวิตเมื่อวันที่ 24 ก.พ. จนถึงวันนี้ก็จะร่วมเดือนแล้ว คดีก็ยังไม่ได้คืบหน้าไปไหนเท่าไรนัก แม้ว่าคนใหญ่คนโตอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม หรือ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) สั่งให้มีการเร่งรัดคดี

ที่เขาตั้งข้อสังเกตว่ามัน “มีพิรุธ” มันเป็นตั้งแต่สามัญสำนึกแรกบนเรือวันที่ 24 ก.พ.แล้ว เขาสงสัยกันไปหมดว่าเรื่อง เวลาที่แตงโมตกน้ำ และเวลาที่แจ้งความมันเป็นอย่างไรกันแน่ แล้วท่าทีของคนบนเรือก็แปลกๆ คือพอเกิดอุบัติเหตุกลับบ้านไปตั้งหลักก่อน ทั้งที่ไหนว่าเพื่อนกันน่าจะพยายามช่วย รอให้มั่นใจว่าเพื่อนปลอดภัย แล้วที่อ้างว่า แตงโมเกาะขาเพื่อนฉี่ท้ายเรือ ถ้าตกน้ำ คือจมบุ๋งหายไปเลยหรือ? ไม่มีช่วงที่พยายามโวยวาย ตะเกียกตะกายเอาชีวิตจนเพื่อนๆ บนเรือต้องเอาอุปกรณ์ช่วยเหลือทางน้ำให้เกาะ? สปีดโบ๊ตก็ไม่ใช่ลำใหญ่ ถ้าคนตกน้ำน่าจะรู้

ทำความรู้จัก '5บุคคลบนเรือ' จากคดีแตงโม มีใครเป็นใครกันบ้าง | เดลินิวส์

แล้วทำไมเมื่อเกิดอุบัติเหตุเช่นนี้ ที่คำให้การแปลกๆ ตำรวจไม่มีการอายัดตัวผู้ต้องหาไว้ตรวจสารเสพติด รีบสอบปากคำ อายัดของกลาง ..ถึงขนาดมีคนตั้งข้อสังเกตว่า ถ้าในต่างประเทศที่กระบวนการยุติธรรมเป็นกระบวนการยุติธรรมจริง ไม่มีใครในเรือได้นั่งแท็กซี่กลับบ้านก่อนพบแตงโมหรอก เผลอๆ จะมีการตั้งประเด็นเป็นฆาตกรรม

แล้วก็มีนักการเมืองออกมาปูดข่าวว่า ให้จับตากระบวนการสอบให้ดีๆ เพราะหนึ่งในกลุ่ม 5 คนบนเรือ ที่ปรากฏตัวน้อยที่สุด แต่เป็นคนที่เป็น “คีย์แมน” สำคัญที่สุดของเรื่อง เพราะถูกอ้างถึงว่า “แตงโมเกาะขาอยู่ตอนฉี่” นั้นเป็นไฮโซ และมีความสนิทสนมกับตำรวจระดับสูง และก่อนหน้านั้นทางทนายอาสารายหนึ่งก็ออกมาพูดเรื่อง “มี พล.ต.ต.ชื่อย่อ น. ขายข้อมูลความลับเกี่ยวกับคดี” ขายให้ใคร ขายเพื่ออะไรไม่รู้เหมือนกัน  

คดีนี้จะจบอย่างไรก็ไม่รู้ แต่ก็มีคนแทงหวยไว้แล้วว่า “ประมาทจนผู้อื่นถึงแก่ชีวิต” หรือเพิ่มให้อีกข้อหาตา ป.อาญา ม. 374 ผู้ใดเห็นผู้อื่นตกอยู่ในภยันตรายแห่งชีวิตซึ่งตนอาจช่วยได้โดยไม่ควรกลัวอันตรายแก่ตนเองหรือผู้อื่น แต่ไม่ช่วยตามความจำเป็น ต้องระวางโทษ จำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่เมื่อมีการแสดงให้เห็นว่าสำนึกผิด เช่น การบวชที่ก็ไม่รู้เรียกว่าบวชอะไรดี, การกราบเท้าขอขมาแม่เจ้าทุกข์ และ การเสนอเยียวยา ทำให้มีเหตุแห่งการบรรเทาโทษ เหลือลงอาญาไปละกัน

คดีนี้เหมือนเป็นคดีปลุกกระแสเรื่องความยุติธรรมในสังคมบ้านเรา มีคนตั้งข้อสังเกตว่า “ถ้าคนบนเรือไม่รวย กระบวนการสอบจะเป็นแบบนี้หรือไม่ ?” ไปจนถึงตั้งข้อสังเกตว่า “จะมีการทำสำนวนอ่อนเพื่อช่วยเหลือกันหรือไม่?” (ก็อย่างที่บอกว่ามี ส.ส.รายหนึ่งมาปูดข่าวว่า คนบนเรือที่เป็นคีย์แมนสำคัญที่สุดสนิทกับตำรวจใหญ่) หลายคนหันไปสนใจการทำงานของนักสืบโซเชียลกับคนที่ถูกด่าว่า “หิวแสง” มากกว่าตำรวจอีก เพราะอย่างน้อย พวกนี้ก็พยายามเรียกร้องความเป็นธรรมให้คนตายเท่าที่ตัวเองจะสามารถทำได้ พยายามฟ้องว่า โครงสร้างสังคมเรื่องความยุติธรรมมันถูกมองว่าบิดเบี้ยว ควรจะมีการทำอะไรให้มันดีขึ้นหรือไม่…ขณะที่ตำรวจนั้นถูกครหาเรื่องเอื้อคนรวยมาตั้งแต่คดี “บอส อยู่วิทยา” เป็นรอยบาปที่ลบไม่ออก…แต่อย่างไรก็ตาม ก็ขอให้รอดูการทำงานของตำรวจต่อไป

ส่วนเรื่องใหญ่ที่มีพิรุธกันอีกแล้ว คือ เอกภาพในพรรครัฐบาล คือ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) คนดูการเมืองเขาก็สงสัยอยู่ว่า “ตกลงพรรคนี้จะเอาอย่างไร?” และในการเลือกตั้งครั้งหน้า จะยังสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ อีกหรือไม่  แล้วถ้า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่มีปัญหาภายในพรรคที่นำโดยพี่ใหญ่ 3 ป. “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ทำไมจึงมีข่าวเรื่องคนใกล้ชิดอย่า นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ไปตั้งพรรครวมไทยสร้างชาติ มาหารคะแนน พปชร.

ข่าวเรื่อง 3 ป.แตกถูกพูดถึงหนาหูตั้งแต่การอภิปรายไม่ไว้วางใจปีที่ผ่านมา ข่าวลือมันว่ามี “ 2 พ.” ที่จับมือกันจะให้โหวตคว่ำ พล.อ.ประยุทธ์ โดยมี “มือประสาน” คือ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค พปชร. ขณะนั้น ซึ่งเป็นคนใกล้ชิดกับ พล.อ.ประวิตร..สุดท้าย พล.อ.ประยุทธ์แก้เกมได้ ไม่แพ้โหวต และจัดการ “หอกข้างแคร่” ด้วยการปรับออกจาก ครม. และข่าวว่า “บิ๊กตู่”เ องก็มีส่วนอยู่เบื้องหลังในเรื่องมติพรรคที่ขับ ร.อ.ธรรมนัสและพวกออก…ทำให้ตอนนี้รู้สึกเหมือน “บิ๊กป้อม” ต้องอยู่ใน สภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพื่อประคองเสถียรภาพรัฐบาล

ก็ต้องทำอย่างไรให้กลุ่มที่ออกไปเป็นพรรคเศรษฐกิจไทย ยังสนับสนุน “น้องตู่ของพี่ป้อม” อยู่ และไม่ให้กลุ่มนี้ดีลกับ ส.ส.พรรคเล็กเพื่อรวมเสียงช่วยคว่ำนายกฯ ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งขณะนี้ สภาเสียงกึ่งอยู่ที่ 238 เสียง ถ้าสวิงออกจากรัฐบาลไปสัก 30 เสียงก็เรียบร้อย… ซึ่งการโหวตคว่ำนายกฯ มีผลให้ต้องลาออกเลือกนายกฯ ใหม่ แต่ในระยะเวลาไม่ถึงปีที่จะครบอายุสภา คิดว่า การโหวตนายกฯ ตั้งรัฐบาลใหม่ไม่ได้ง่ายๆ และอยู่ได้ไม่ถึงปีก็ไม่ทันทำอะไรเท่าไร … ถ้าจะโหวตคว่ำจริงก็เพื่อสั่งสอน “บิ๊กตู่” ว่า “อย่าประเมินนักการเมืองต่ำไป”

ความระส่ำในพรรค พปชร. ทำให้คะแนนนิยมร่วงเอาๆ สายสัมพันธ์ระหว่าง “บิ๊กป้อม”กับ “ร.อ.ธรรมนัส” ถูกคอการเมืองจับตา ประเมินอย่างหนักว่า “อยู่ระดับไหน” ที่ทำให้พี่ใหญ่ 3 ป. กล้ารับประกันกับ “น้องตู่” ว่า..คุยกันได้กับ ส.ส.พปชร.ที่ออกไปอยู่เศรษฐกิจไทย แล้วถ้าพรรคยังมีเอกภาพ ทำไมจึงต้องมีพรรคที่ “ดูเหมือนพรรคสำรอง” สำหรับ “บิ๊กตู่” ซึ่งเริ่มมีชื่อคนดังเข้าไปสังกัดอย่าง นายปองพล อดิเรกสาร อดีตรัฐมนตรีหลายกระทรวง หรือกระทั่งมีชื่อว่าคนที่จะมานำพรรคคือ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค อดีตแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ ที่ย้ายมาอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ

การมีพรรคสำรอง มันดูมีพิรุธว่า “พปชร.ไม่ได้ปลอดภัยสำหรับบิ๊กตู่อีกแล้วหรือไม่?” สิ่งที่เราต้องเข้าใจเสมอคือ “การเมืองอะไรก็เกิดขึ้นได้ ถ้าผลประโยชน์มันถึง” มันก็มีโอกาสที่ “บิ๊กป้อม” นำทัพ พปชร. เท่าที่มีอยู่ ร่วมกับพรรคเศรษฐกิจไทย (ซึ่ง พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา หัวหน้าพรรคก็มีสายสัมพันธ์ที่ดีกับบิ๊กป้อม) ลอยแพให้ “บิ๊กตู่” ไปอยู่ค่ายใหม่ก็ได้ถ้าเห็นว่า..กระแสไม่ดีแล้ว…เพราะการเลือกตั้งแต่ละครั้งตัวแปรที่ใหญ่ที่สุดคือ จะชูใครมาเป็นนายกฯ

ถ้าลอยแพ “บิ๊กตู่” ไปได้แล้ว ก็ไม่รู้ว่าจะมีการ “เปิดดีล” อะไรกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ (ในกรณีที่ พปชร.ยังแข็งแรง มี ส.ส.มากพอจะมีอำนาจต่อรองในการจัดตั้งรัฐบาล และรวมเสียงกับเศรษฐกิจไทยได้) ในท่ามกลางกระแสความต้องการเปลี่ยนขั้วทางการเมือง เพื่อไทยเป็นพรรคที่มาแรงที่สุด ยิ่งกติกาเลือกตั้งบัตรสองใบยิ่งเอื้อให้มี “ตัวเจ๋งๆ” เข้ามาเป็นปาร์ตี้ลิสต์ได้ … ส่วนเพื่อไทยพร้อมเปิดรับหรือไม่? ก็ให้สังเกตท่าทางของ “ผู้มีอิทธิพลในพรรค” คือ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ซึ่งไม่ได้มีท่าทีรังเกียจรังงอนอะไร ร.อ.ธรรมนัส ซึ่ง ร.อ.ธรรมนัส อาจเป็นดีลเมคเกอร์อีกรอบก็ได้

“บิ๊กตู่” นั้นบางทีอาจต้องระวังว่า “หอกข้างแคร่ของจริง” อาจไม่ใช่คนที่คิดก็ได้ และ พปชร. ช่วงนี้ก็ดูอ่อนแรงลงจากพรรคเกิดใหม่ที่ทั้งดึงคนเก่าออกไป และมาหารคะแนน…พรรคเศรษฐกิจไทยเอา ส.ส.ออกไปได้มากที่สุด แล้วก็ยังมี พรรคสร้างอนาคตไทย (สอคท.) ที่ นายอุตตม สาวนายน อดีตหัวหน้าพรรค พปชร. เป็นแกนนำ ก็น่าจะดึงคนจาก พปชร.ไปบางส่วน พรรครวมไทยสร้างชาติ ก็น่าจะดึงคนที่สนับสนุน “บิ๊กตู่” ออกจาก พปชร.ไปอยู่ด้วย  

แต่ละพรรคก็คงมีแคนดิเดตนายกฯ ของตัวเอง แต่ พปชร. นั้นดูจะทำใจลำบากอยู่ ว่าจะชู “บิ๊กตู่” อีกรอบหรือไม่…เผลอๆ ถ้าเห็นชื่อ “บิ๊กตู่” ไม่เวิร์กแล้ว แต่ “มีคนอยากเป็นรัฐบาล” ก็ไปจับมือพรรคเศรษฐกิจไทย พรรคสร้างอนาคตไทย พรรคไทยสร้างไทย ซึ่งเป็นพรรคที่ดูแล้วมีโอกาสได้ ส.ส.พอสมควร รวมตัวกันไปอยู่อีกขั้ว บวกภูมิใจไทยกับชาติไทยพัฒนา เข้าไปด้วยก็ได้เพราะสองพรรคนี้ต้องการเป็นรัฐบาลอยู่แล้ว ..ให้เสียง ส.ส.เกิน 376 เสียง จะได้ไม่ต้องให้ ส.ว.มาโหวตเลือกนายกฯ .. ปล่อย “บิ๊กตู่” ไว้กับพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ไม่รู้จะเกิดหรือไม่    

แค่เรื่องพรรคสำรองเพื่อสนับสนุน “บิ๊กตู่” ก็เป็นข้อพิรุธแล้วว่า สายสัมพันธ์ในพรรค พปชร. สายสัมพันธ์ระหว่างพรรคกับนายกฯ เป็นอย่างไร แต่บางที ถ้า “บิ๊กตู่” เป็นชายชาติทหาร ยึดมั่นในเกียรติศักดิ์ศรี ควรต้องคิดหาทางลงสวยๆ ไว้หน่อยแล้ว.

………………………………………………………
คอลัมน์ : ที่เห็นและเป็นอยู่
โดย “บุหงาตันหยง”