เชื่อว่าหลายๆ คนคงจะทราบกันดีอยู่แล้วว่า ทุกวันที่ 1 เมษายน ของทุกปีคือ April Fool’s Day (เอพริลฟูลเดย์) หรือ “วันเมษาหน้าโง่” ที่จะมีแต่เรื่องราวปลอมๆ ออกมาแกล้งกัน ซึ่งทุกคนจะไม่ถือโทษโกรธเคือง และจะต้องระมัดระวังตัวไม่ให้โดนหลอก (เพื่อไม่ให้เสียหน้า) กันเป็นที่สุด

แต่อันที่จริงแล้ว วัน April Fool’s Day หรือ “เมษาหน้าโง่” มีบันทึกโบราณพบว่าต้นกำเนิดของ “วันเมษาหน้าโง่” เกิดขึ้นใกล้เคียงกับเทศกาลฮิลาเรียของโรมัน ที่จัดขึ้นวันที่ 25 มีนาคม ที่ผู้คนจะแต่งตัวตลกๆ ออกมาแกล้งกัน และพบว่ามี “เทศกาลคนโง่” ในยุโรปสมัยยุคกลาง ที่จัดขึ้นวันที่ 28 ธันวาคมของทุกปี เช่นกัน

นอกจากนี้ประวัติของวัน April Fool’s Day ยังเกี่ยวพันกับทฤษฎี “เปลี่ยนวันปีใหม่” ของชาวยุโรปยุคกลางในช่วงศตวรรษที่ 16 ที่แต่เดิมวันปีใหม่ของพวกเขาคือวันที่ 1 เมษายน ต่อมาในปี ค.ศ. 1592 พระสันตปาปาเกรเกอรี ได้ประกาศใช้ปฏิทินใหม่สำหรับชาวคริสต์ ทำให้วันปีใหม่ถูกเปลี่ยนไปเป็นวันที่ 1 มกราคม

กลับกันด้วยปัญหาเรื่องการสื่อสารที่ยังไม่รวดเร็วทำให้มีกลุ่มคนไม่น้อยไม่ทราบถึงประกาศ และออกมาฉลองปีใหม่ในวันที่ 1 เมษายน เหมือนเคย ทำเอาถูกล้อเลียนว่า “พวกเมษาหน้าโง่” ตามด้วยการพยายามกลั่นแกล้งคนพวกนี้โดยส่งข้อความไปหลอก หรือล่อลวงให้หลงเชื่อเรื่องโกหกทั้งหลายว่าเป็นเรื่องจริง

อย่างไรก็ตาม สำหรับประเทศไทยนั้น ก่อนหน้านี้ ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ได้เคยเตือนว่าอย่าโพสต์หรือแชร์เรื่องราวอะไรที่ไม่เป็นความจริงแล้วมาอ้างว่าเป็นการล้อเล่นในวันโกหกในลักษณะข่าวปลอม (Fake News)  ที่ทำให้ผู้อื่นเสียหาย ได้รับความอับอาย อีกทั้งยังมีโทษจำคุกและเสียค่าปรับ ตามความผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 มาตรา 14 (1) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหาย แก่ประชาชนอีกด้วย…