สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 29 ก.ค.ว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดน แถลงเมื่อวันพฤหัสบดี ว่าเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในสหรัฐ มีแนวโน้มกลับมาขยายวงกว้างอย่างรวดเร็วและรุนแรง นับจากนี้เป็นต้นไป เจ้าหน้าที่ทุกคนในหน่วยงานทุกแห่งที่อยู่ภายใต้สังกัดรัฐบาลกลาง ต้องเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 และต้องมีเอกสารยืนยันการฉีดวัคซีนติดตัวตลอดเวลาทำงาน
Biden explains the decades of research that allowed for the COVID vaccine's fast development, addressing the hesitancy of unvaccinated people who think it was "rushed"
— CBS News (@CBSNews) July 29, 2021
"The vaccines are safe, highly effective. There's nothing political about them." https://t.co/9GRkXGVDdw pic.twitter.com/zwhszYUxHx
หากไม่ประสงค์ฉีดวัคซีน เจ้าหน้าที่คนนั้นอาจต้องเข้าสู่กระบวนการตรวจคัดกรอง "ในระดับความถี่มากกว่าปกติ" เผชิญกับมาตรการจำกัดการเดินทาง ต้องรักษาระยะห่างจากเพื่อนร่วมงาน และประชาชนที่มาติดต่อ พร้อมทั้งต้องสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าตลอดเวลาทำงาน ขณะที่พนักงานสัญญาจ้างในสังกัดหน่วยงานรัฐต้องอยู่ภายใต้มาตรการเดียวกัน ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างจัดทำข้อบังคับ และจะประกาศให้ทราบอีกครั้ง
ขณะเดียวกัน ไบเดน "ขอความร่วมมือ" ให้หน่วยงานท้องถิ่นเสนอ "เงินตอบแทน" คนละ 100 ดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 3,286.65 บาท ) ให้แก่ประชาชนซึ่งยังไม่ได้ฉีดวัคซีน เพื่อเป็นการเพิ่มแรงจูงใจ
นอกจากนี้ สถานประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็กจะได้รับเงินชดเชยจากรัฐบาล หากอนุญาตให้พนักงานสามารถไปเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 โดยไม่ถือเป็นการขาดงาน หรือหักวันหยุดของพนักงาน และเสนอให้โรงเรียนจัดพื้นที่เป็นสถานที่ฉีดวัคซีนด้วย
The CDC has issued new mask guidance for individuals in substantial or high-transmission areas and K-12 schools. pic.twitter.com/2lqRxYSIGg
— The White House (@WhiteHouse) July 27, 2021
ผู้นำสหรัฐกล่าวว่า "เสรีภาพต้องมาพร้อมกับความรับผิดชอบ" การฉีดวัคซีนไม่ใช่เพื่อตัวเองเพียงเท่านั้น แต่ยังเพื่อคนที่คุณรัก และเพื่อชาติบ้านเมืองด้วย อนึ่ง ข้อมูลจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค ( ซีดีซี ) ระบุว่า ปัจจุบัน มีชาวอเมริกันประมาณ 163.8 ล้านคน หรือประมาณครึ่งหนึ่งจากทั้งประเทศคือ 330 ล้านคน ซึ่งรับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ครบแล้ว.
เครดิตภาพ : AP