เมื่อวันที่ 4 มิ.ย. นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Yong Poovorawan โดยระบุว่า โควิด-19 วัคซีน ประสิทธิภาพในการป้องกันขึ้นอยู่กับจำนวนครั้งในการฉีดวัคซีน

ข้อมูลการศึกษาวัคซีน covid-19 มีการศึกษาต่อเนื่องทั่วโลก พอสรุปได้ดังนี้
1. ประสิทธิภาพของวัคซีนขึ้นอยู่กับ จำนวนครั้งของการได้รับวัคซีน วัคซีน 1-2 เข็ม ไม่เพียงพอในการป้องกันและลดความรุนแรงของโรค
2. การได้รับวัคซีนครบ หมายถึงจะต้องได้รับเบื้องต้น 2 ครั้ง และกระตุ้นอีก 1 ครั้ง รวมเป็น 3 ครั้ง
3. ในคนปกติแข็งแรงดีทุกคน ควรจะต้องได้รับวัคซีนอย่างน้อย 3 ครั้ง
4. ในกลุ่มเสี่ยง มีโรคประจำตัว เช่น 608 คืออายุเกิน 60 มีโรคประจำตัวที่เสี่ยงต่อความรุนแรงของโรค หรือมีภูมิต้านทานต่ำ กินยากดภูมิต้านทาน ควรจะได้รับอย่างน้อย 4 ครั้ง
5. ประสิทธิภาพการป้องกันโรค ขึ้นอยู่กับจำนวนครั้งของการได้รับวัคซีน มากกว่าชนิดของวัคซีนที่ฉีด หรือสูตรการฉีดวัคซีน
6. ประเทศไทยจะก้าวเข้าสู่โรคประจำถิ่น หรือตามฤดูกาล ประชากรส่วนใหญ่หรือเกือบทั้งหมดควรจะได้รับวัคซีนอย่างน้อย 3 เข็ม เพื่อลดความรุนแรงของโรค ลดอัตราป่วยที่ต้องนอนโรงพยาบาลและเสียชีวิต
7. ถ้าได้รับวัคซีน 2 ครั้งแล้วติดเชื้อ การติดเชื้อนั้นเปรียบเสมือนการได้รับวัคซีนเข็ม 3 ทำนองเดียวกัน การได้รับวัคซีน 3 ครั้ง แล้วติดเชื้อ จะเปรียบเสมือนการได้รับวัคซีนแล้ว 4 ครั้ง ภูมิต้านทานที่เกิดขึ้นจะเป็นภูมิต้านทานแบบลูกผสม มีประสิทธิภาพในการป้องกันและลดความรุนแรง ได้เป็นอย่างดียิ่ง
8. ผู้ที่ได้รับวัคซีนแล้วอย่างน้อย 2 ครั้ง รวมกับติดเชื้อ สามารถกระตุ้นวัคซีนอีกครั้ง ที่ถือว่าเป็นเข็มที่ 4 (ฉีด 2 ครั้ง ติดเชื้อ 1 ครั้ง จึงเทียบเท่ากับ 3 เข็มของวัคซีนมาแล้ว) อีก 6 เดือนขึ้นไป
9. ผู้ที่ไม่เคยฉีดวัคซีนมาก่อนหรือฉีดวัคซีนเพียงเข็มเดียว แล้วติดเชื้อ ควรได้รับวัคซีนกระตุ้นหลังติดเชื้อ 1 ถึง 3 เดือน
10. เด็กตั้งแต่อายุ 5 ปีขึ้นไป ภาระโรค covid-19 หรือความรุนแรงของโรค จะน้อยมาก แต่ก็มีความจำเป็นที่จะต้องได้รับวัคซีน ควรได้รับวัคซีน ไม่ว่าเป็นวัคซีนอะไรที่ผ่าน อย. สามารถใช้ได้ทั้งหมด (mRNA หรือวัคซีนเชื้อตาย) และในที่สุดควรจะได้ 3 ครั้ง ขึ้นอยู่กับความสมัครใจของผู้ปกครอง เด็กจะได้ไปโรงเรียน และจะไม่มีการปิดโรงเรียนอีกต่อไปแล้ว ทุกอย่างต้องเดินหน้า