ความคืบหน้าภายหลังเกิดเหตุมือมืด นำป้ายชื่อ “สะพานท่าราบ พ.ศ. 2565” ไปติดทับชื่อ “สะพานพิบูลสงคราม พ.ศ. 2514” บนถนนประชาราษฎร์ สาย 1 แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพฯ ขณะที่ ผอ.เขตดุสิต ต้องสั่งเจ้าหน้าที่รื้อป้าย “สะพานท่าราบ พ.ศ. 2565” ออกตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

เมื่อวันที่ 3 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ม.จ.จุลเจิม ยุคล หรือ “ท่านใหม่”” โพสต์ข้อผ่านเฟซบุ๊ก “จุลเจิม ยุคล” ข้อความระบุว่า ขอสัก 20,000 เสียงสนับสนุน เพื่อเสนอรัฐบาล ว่า สนามกีฬาแห่งชาติศุภชลาศัย ควรเปลี่ยนชื่อเป็น “สนามสมเด็จ เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ” ดีไหมครับ?

ต่อมา นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “เทพไท เสนพงศ์”

อย่าบิดเบือน ลบล้างประวัติศาสตร์
อย่าเปลี่ยนชื่อสถานที่สำคัญตามอารมณ์
ผมเห็นมีการพยายามปั่นกระแสเปลี่ยนชื่อสถานที่สำคัญต่างๆในหลายสถานที่กัน นับตั้งแต่มีพวกมือดีเอาป้ายชื่อ สะพานท่าราบ พ.ศ. 2565 ไปปิดทับชื่อ สะพานพิบูลสงคราม พ.ศ. 2514 สร้างความประหลาดให้กับคนจำนวนไม่น้อยว่า เกิดเหตุอะไรขึ้น มีการเปลี่ยนแปลงด้วยเหตุผลใด แต่เมื่อผู้อำนวยการสำนักงานเขตดุสิต และสำนักการโยธา ของกรุงเทพมหานคร ออกมายืนยันว่าการเปลี่ยนชื่อสะพานดังกล่าว ไม่ได้เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงของหน่วยงานราชการ จึงมีการสั่งรื้อถอน ให้คงชื่อสะพานพิบูลสงคราม พ.ศ. 2514 เหมือนเดิมต่อไป ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีกลุ่มคนจำนวนหนึ่ง ที่ต้องการสร้างความวุ่นวาย ความปั่นป่วนให้เกิดขึ้นในสังคมไทย โดยพยายามที่จะลบล้างประวัติศาสตร์ของชาติที่เกิดขึ้นในอดีต จนถึงล่าสุดมีกระแสเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนชื่อของ สนามกีฬาศุภชลาศัย ขึ้นมาอีก ซึ่งเป็นการสร้างความขัดแย้ง และความแตกแยกให้เกิดขึ้นในสังคมไทยโดยไม่จำเป็น

ส่วนตัวไม่เห็นด้วยกับการเปลี่ยนแปลงชื่อสถานที่ต่างๆ ที่ได้ตั้งชื่อขึ้นมาในอดีต ต้องการให้ทุกอย่างเป็นไปตามประวัติศาสตร์ ไม่อยากให้มีการลบล้างหรือบิดเบือนประวัติศาสตร์ ตามความรู้สึกของกลุ่มคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เมื่อมีกลุ่มคนหนึ่งเสนอให้มีการเปลี่ยนแปลงชื่อสถานที่ ที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ ก็ย่อมจะมีการต่อต้านจากบุคคลอีกกลุ่มหนึ่งเช่นเดียวกัน จะสร้างความขัดแย้งในสังคมอย่างไม่รู้จักจบสิ้น และเป็นการสร้างความขัดแย้งให้เกิดขึ้นในหมู่ประชาชนโดยไม่จำเป็น.

ขอบคุณข้อมูลจากเฟซบุ๊ก “จุลเจิม ยุคล” และ“เทพไท เสนพงศ์”