เมื่อวันที่ 15 เม.ย. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ที่มีความล่าช้า ทำให้หลายนโยบายของรัฐบาล ถูกขยับออกไป อย่างเช่นโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ที่ก่อนหน้านี้มีการตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะให้ใช้ภายในต้นปีนี้ แต่สุดท้ายกลับถูกเลื่อนออกไป ว่า จริงๆ แล้ว ตนไม่อยากจะขอโทษเรื่องงบประมาณล่าช้า ซึ่งหากย้อนไปในการจัดตั้งรัฐบาล ที่ใช้เวลาประมาณสามเดือนพอดี ถือว่านานที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย ที่แกนนำพรรคเพื่อไทย ได้ 141 เสียง มาเป็นที่สอง และพรรคก้าวไกล ได้ 151 เสียง เราก็ทำอย่างเต็มที่ ให้เขาฟอร์มรัฐบาลให้ได้ มีการโหวตให้ไม่แตกแถวเป๊ะ และก็โหวตให้ก้าวไกลเต็มที่ทั้งสองครั้ง ขณะนั้นพรรคก้าวไกล ก็บอกมาตลอดเวลาว่าสามารถที่จะฟอร์มรัฐบาลได้ และมีเสียง สว. เพียงพอ เราก็ให้เกียรติที่จะสนับสนุน และในต่างประเทศ หากเป็นพรรคอันดับหนึ่งอันดับสอง ก็จะต้องแข่งขันกัน แต่พอถึงเวลา เราส่งเขาเต็มที่แล้ว ไม่สามารถฟอร์มรัฐบาลได้ ก็เป็นหน้าที่ของเราที่ต้องรับไม้ต่อ ซึ่งตนก็ทราบว่า งบประมาณจะใช้ได้จริงในช่วงเดือน พ.ค. และไม่สามารถนำกรณีดังกล่าวมาเป็นข้ออ้างได้ ตนเพียงแต่บอกเฉยๆ แต่เรื่องของการใช้นโยบายในการกระตุ้นเศรษฐกิจ เราทำได้ทั้งวีซ่าฟรี พักหนี้เกษตรกร และลดค่าใช้จ่าย 


นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำหรับโครงการดิจิทัลวอลเล็ต เราต้องการเม็ดเงินใหม่ เพราะเราประกาศว่าทุกคนจะต้องได้หมด ใช้งบประมาณ 560,000 ล้านบาท โดยต้องใช้หมดภายในหกเดือน อายุ 16 ปี และใช้ภายในอำเภอ เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับภูมิภาค แต่เอาเข้าจริงเราได้ 141 เสียง ไม่ใช่แลนด์สไลด์อย่างที่หวังไว้ และมีหลายภาคส่วนที่เราต้องรับฟัง ทั้งธนาคารแห่งประเทศไทย สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นักวิชาการต่างๆ รวมไปถึงการตั้งหลักเกณฑ์เงื่อนไขต่างๆ เช่น คนรวยใช้หลักเกณฑ์อะไรในการวัด รวมถึงที่มีการตัดกลุ่มเป้าหมาย ที่ถูกตัดไป 12 เปอร์เซ็นต์ ของวงเงินทั้งหมด และมีการตั้งคำถามว่า จะกู้เงินมาใช้ในโครงการดังกล่าวหรือไม่ จนกระทั่งเราบริหารจัดการตรงนี้ ให้มันมาจริงๆ แต่อย่างไรก็ตาม ไตรมาส 4 นี้ ได้อย่างแน่นอน ยืนยันทุกอย่าง ทุกขั้นตอนตรวจสอบได้ สุจริตบริสุทธิ์ใจ พร้อมย้ำว่าขอให้คอยในไตรมาสที่ 4 


เมื่อถามย้ำว่า มั่นใจหรือไม่ว่าจะไม่มีอะไรมาเตะถ่วงทำให้โครงการเงินดิจิทัลฯ ต้องเลื่อนออกไปมากกว่าไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ นายกรัฐมนตรี รีบตอบกลับทันทีว่า “มั่นใจ” เมื่อถามต่อว่า หากงบประมาณลงมาแล้ว มีการประเมินหรือไม่ว่าการขับเคลื่อนนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต รวมไปถึงเศรษฐกิจต่างๆ ผลจะออกมาในช่วงไตรมาสใด นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนคิดว่าในช่วงไตรมาส 1-2 ของปีหน้าจะเห็นผล และนโยบายการท่องเที่ยวจะยังคงเป็นเรือธงในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ในไตรมาส 4 ปีนี้ อย่างการจัดงานทั้งพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และภูเก็ต ก็เกิดขึ้นมากมาย 

เมื่อถามว่า ในระหว่างทางที่นโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ยังไม่สามารถขับเคลื่อนได้ รัฐบาลจะมีโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจอื่นๆ ออกมาก่อนหน้าหรือไม่ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ระหว่างทาง จะมีนโยบายอื่นๆ ออกไป ซึ่งเป็นไปตามที่แถลงนโยบายต่อรัฐสภา เช่น การสร้างถนน หรืออย่าลืมว่าเกษตรกร ยังมีอีกหลายสิบล้านคน ที่ต้องดูเรื่องไม่ท่วมไม่แล้ง 

ส่วนที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า รัฐบาลให้เงินมากเกินไปจนสุดท้ายไม่ได้อะไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ชัดเจนว่าเราบอกว่าทำครั้งเดียว แต่การเติมเงินเข้าไปในกระเป๋าทุกๆ คน ที่จะเกิดขึ้นในอดีต ไม่ว่าจะเป็นวิกฤติโควิด-19 เติมเงินเพียงแค่ 1,000 ถึง 2,000 บาท แล้วไปใช้ที่ไหนก็ได้ แต่ครั้งนี้มีการจำกัดประเภทสินค้า ระยะทางที่สามารถใช้ได้ วันนี้เราต้องการที่จะให้อำเภอเล็กๆ ในจังหวัดต่างๆ ได้ลืมตาอ้าปากด้วย มีโอกาสในการจับจ่ายใช้สอยเงินด้วย เรื่องนี้ตนอธิบายไปหลายหนแล้ว และก็มั่นใจว่าเรามาถูกทาง.