วันที่ 7 ก.ค. ที่สำนักงานอัยการสูงสุด นายวิศาพัช หรือแซน มโนมัยรัตน์ และ น.ส.อิจศรินทร์ หรือกระติก จุฑาสุขสวัสดิ์ พร้อมทนายความ เดินทางเข้ายื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุด โดยมีนายกฤษฎา กสานติกุล รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เป็นผู้รับหนังสือ

ก๊วนคนบนเรือผู้ต้องหา ‘คดีแตงโม’ พบอัยการ ลุ้นฟังคำสั่งฟ้อง ฮึ่มเชือดคืนพวกฟ้องเท็จ!


นายวิวัฒน์ สมบัติหลาย ทนายความของกระติก กล่าวว่าการยื่นหนังสือวันนี้เป็นความประสงค์ของผู้ต้องหาทั้งหมด และเป็นสิทธิที่จะร้องขอความเป็นธรรม เพราะอยากพิสูจน์ตัวเองต่อสังคมให้รับรู้ว่าตัวเองไม่ได้เป็นผู้กระทำความผิดตามที่ถูกสังคมพิพากษามาหลายเดือน มองว่าเป็นเรื่องดีที่ได้ยื่นหนังสือ เพื่อให้รับพิจารณาและเร่งรัดในการทำสำนวนฟ้องผู้ต้องหาเองทั้งหมดโดยเร็ว และเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม พิสูจน์กันในชั้นศาล ทั้งนี้หากไม่ได้เป็นผู้กระทำความผิดก็ไม่กังวล แต่หากมีข้อหาอะไรเพิ่มก็อยากเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม อันไหนที่ให้ความร่วมมือได้ก็จะให้ แต่ถ้าอันไหนไม่ได้ก็จะต้องสงวนไว้ และไม่ขอเปิดเผยในชั้นนี้ ส่วนประเด็นที่สั่งสอบเพิ่มเติมไปก่อนหน้านี้ ได้ให้ปากคำไปหมดแล้ว

ด้านนายพรศักดิ์ วิภาสอาภานนท์ ทนายความของแซน เปิดเผยว่าอยากให้เร่งรัดฟ้องคดีโดยเร็ว ผู้ต้องหาอยากเข้าพิสูจน์ในชั้นศาลโดยเร็ว หลังจากที่ถูกสังคมพิพากษามาก็เลยขอให้พนักงานอัยการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องโดยเร็วที่สุด ส่วนจะโดนฟ้องข้อหาอะไรบ้าง เมื่อเราเป็นผู้บริสุทธิ์เราก็ไม่หวั่น ส่วนประเด็นที่อัยการสั่งสอบเพิ่ม ขอเรียนว่าอะไรที่ให้ความร่วมมือได้เราก็จะให้ โดยการร้องขอความเป็นธรรมวันนี้ ไม่ได้กล่าวโทษอัยการ แต่ผู้ต้องหามีสิทธิร้องขอความเป็นธรรมให้ทำคดีโดยรวดเร็วเที่ยงธรรม พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า ทำไมผู้ต้องหาต้องถูกสั่งสอบเพิ่มซ้ำแล้วซ้ำเล่า ควรให้โอกาสและให้สิทธิบ้าง ดังนั้นเมื่อมากระทบสิทธิผู้ต้องหาจึงต้องออกมาปกป้องสิทธิ ส่วนการเตรียมฟ้องกลับนั้น แม้จะมีการถอนฟ้องไปแล้ว แต่มองว่าเมื่อฟ้องมาแล้วความผิดมันเกิดขึ้นแล้ว จึงต้องปกป้องสิทธิ ฟ้องกลับกับคนที่ฟ้องเท็จแต่ยังไม่ขอเปิดเผยว่าเป็นใคร ส่วนศาลจะพิจารณาอย่างไรเป็นดุลพินิจของศาล และยืนยันว่าหลังจากอัยการจังหวัดนนทบุรี มีคำสั่งสั่งฟ้อง คนบนเรือจะออกมาใช้สิทธิอย่างเต็มที่ กับทุกๆ คน ทุกการกระทำผิด ต่างกรรมต่างวาระ ในสิทธิที่คนบนเรือถูกโดนละเมิด โดยหากสั่งฟ้องวันที่ 3 ส.ค.วันที่ 4-6 ส.ค.ก็จะยื่นฟ้องทันที ในข้อหาฟ้องเท็จ และ มาตรา 181 ให้ผู้อื่นได้รับโทษหนักทางอาญาสูงสุดเถึงประหารชีวิต กับบุคคลทั้งหมด 2 คน

ด้าน น.ส.อิจศรินทร์ หรือกระติก กล่าวว่า อยากให้ทุกคนใช้วิจารณญาณถึงคดีนี้ สำหรับการออกมาร้องขอความเป็นธรรมครั้งนี้เพื่อปกป้องสิทธิของตนเองตามรัฐธรรมนูญ เพราะเมื่อคดียังไม่เข้าสู่กระบวนการศาล แต่สังคมพยายามให้เราเป็นฆาตกรให้ได้ โดยที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่ได้แจ้งข้อหาฆาตกรรม แต่กลับมีคนไม่พอใจ ทั้งที่มันไม่มีหลักฐาน ส่วนเหตุผลที่ไม่ร้องขอความเป็นธรรมแต่แรก เพราะอัยการเลื่อนนัดฟังคำสั่งมาตลอด เป็นเวลาเนิ่นนานหลายเดือน และไม่เคยมีใครมาชี้แจงเหตุผล จนวันนี้ที่มีอัยการจังหวัดมาชี้แจง แต่เป็นเพียงเหตุผลส่วนหนึ่งเท่านั้น สังคมต้องรับผลของการกระทำหากตนเองจะฟ้องร้อง ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อฟ้องร้องกับบุคคลที่เข้ามาต่อว่ารวมแล้วกว่า 10 ราย โดยหลังจากนี้คาดว่า อีก 3 คนบนเรือ จะเข้ามายื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมด้วย ส่วนประเด็นที่แม่ภนิดา ถอนฟ้องคดีฆาตกรรม เพิ่งทราบข่าวเมื่อเช้านี้ ก็เป็นสิทธิของแม่ เราก็ตั้งรับว่าจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร ซึ่งต้องคุยกับทีมทนายอีกครั้ง ขณะที่โทรศัพท์มือถือ ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกไปตรวจสอบแล้วนั้น มองว่าไม่เจอ ก็ควรจบ ส่วนตัวอยากเป็นจำเลย ไม่ใช่มาขอตรวจสอบอีกเพราะโทรศัพย์เอาไว้ใช้งาน ขาดไป 1 วัน ก็ร้อนใจ เพราะเป็นของจำเป็น ขณะนี้ประเด็นออกมาไม่จบสิ้น ซ้ำซ้อน เรามีสิทธิปฏิเสธไม่ให้ตรวจดูโทรศัพท์ตามรัฐธรรมนูญ


ด้านนายวิศาพัช หรือแซน กล่าวว่า คดีนี้ตำรวจรวบรวมข้อมูลในโทรศัพท์มือถือเป็นวัตถุพยานแต่แรกแล้ว ขณะนี้มีแต่เรื่องส่วนตัว รู้สึกเบื่อกับคนที่ขุดคุ้ยซ้ำซาก ไม่จบสิ้น อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินไปตามหลักการและเหตุผล ไม่ใช่ตามกระแสสังคม หลังจากนี้จะดำเนินการให้ถึงที่สุดกับคนที่ชอบละเมิด ซึ่งเวลานี้มี 4 ราย หากผิดควรออกมาขอโทษ เป็นตัวอย่างให้คนรุ่นหลัง พร้อมขอให้บุคคลที่ออกมากล่าวหาตนเอง เก็บหลักฐานทิพย์ไปโชว์ในเมืองทิพย์