เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่ชาวเน็ตบนโลกออนไลน์ต่างพากันให้ความสนใจ และแชร์ออกไปเป็นจำนวนมากอยู่ในขณะนี้ ภายหลังสมาชิกผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้ออกมาโพสต์ระราย หลังยอมลาออกจากราชการครู เนื่องจากเจอปัญหาการทำเอกสารประเมินการสอนที่ต้องทำจนดึกดื่นทุกวันตลอด 1 เดือน จนไม่มีเวลาเตรียมการสอน โดยระบุรายละเอียดว่า

“คนเราบางทีก็มีความฝันแปลกๆ เช่นเรา เป็นคนนึงที่มีความฝันอยากจะลาออกจากราชการ ตั้งแต่ก่อนจะเข้าทำงาน ก่อนที่จะได้บรรจุ หลังจากบรรจุได้ 3 เดือน ฝันอย่างนึงในชีวิต เป็นจริงแล้วนะคะ ได้ลาออกจากราชการแล้ว 555 บรรจุเข้าไปได้เริ่มทำงานช่วงแรกๆ ออกจากห้องประชุม 4 ทุ่ม หลายคืนมากๆ เพราะโรงเรียนจะมีการประเมิน เลยต้องเตรียมงาน งานหนักนะ หนักมาก แต่ทำได้ ทำๆ ไปมันก็เพลินดี มีเพื่อนครูที่โรงเรียนก็น่ารักกับเรามากๆ สอนงานเราหลายอย่าง ได้เรียนรู้ ได้ประสบการณ์ ได้มิตรภาพ

แต่จนเย็นวันนึง หลังจากที่ประเมินโรงเรียนผ่านไป (เตรียมงานกันประมาณ 3 วีก) วันนั้นเราได้เลิกงานเร็ว เราออกไปที่ระเบียงห้อง เวลาประมาณ 4 โมงกว่าๆ 5 โมงเย็น ท้องฟ้าวันนั้นมันสวยมากๆ สวยมากที่สุดในชีวิตช่วงนั้นเลย เราจุดยากันยุงตั้งที่ปลายเท้า นั่งเอนหลังบนเก้าอี้มองท้องฟ้าเย็นวันนั้น เป็นวันที่อากาศดีมากๆ เรา appreciate life ณ โมเมนต์นั้นมาก แล้วจู่ๆ มันก็มีคำถามที่พุ่งกระแทกสติเราเข้ามา ว่าทำไมกับอีแค่ท้องฟ้าตอนเย็นธรรมดาๆวันนึง มันถึงได้ดูเป็นสิ่งสวยงามในชีวิตเราขนาดนั้นในวันนั้น

จนมาคิดได้ว่าเพราะเราไม่ได้เห็นท้องฟ้าตอนเย็นมาเป็นเวลาเกือบๆ 1 เดือน ที่เราทำงานอยู่แต่ในห้องประชุม เห็นแต่เพดานขาวๆ มันนานจนเราลืมไปเลย ว่าท้องฟ้าตอนเย็นมันสวยขนาดไหน

หลังจากที่ยุ่งมาเป็นเดือน วันนั้นเป็นวันที่เรารู้สึกตัวในที่สุด ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเรา เราเป็นคนที่งานอดิเรกเยอะมากๆ เราเล่นกีฬา เราเขียนนิยาย เราทำเล็บ เราวาดรูป เราชอบอ่านนิยาย เราชอบดูหนัง แต่การบรรจุทำงานแค่เดือนนึงตอนนั้น เอาความสุขของชีวิตเราไปหมดเลย ไม่เหลือเวลาให้เราได้หาความสุขให้ตัวเองเลย ทำงานหนัก มันไม่ได้ทุกข์ขนาดนั้นหรอกค่ะ มันไม่ได้ทำให้เราอยากตายหรืออะไรนะ แต่มันไม่ใช่ความสุขของเรา

ชีวิตคนเราสั้นมากนะ เราเผลอแค่แป๊บเดียว เราผ่านปี 2022 มาเกินครึ่งปีแล้วนะคะ เพราะฉะนั้น เราก็อยากจะใช้ชีวิตนี้ให้มีความสุขที่สุดเท่าที่เราจะมีได้ งานที่ทำอยู่มันไม่โอเคเลย เป็นงานเอกสารที่ซ้ำซ้อน ไม่พัฒนาครู และยังช่วงชิงเวลาครูจากนักเรียนอีก

ยาที่ฮีลใจที่สุดตลอดการทำงานในโรงเรียนคืองานสอน แต่มีหลายครั้งมากๆที่เกือบจะร้องไห้เพราะเราไม่ได้สอน จนหลังๆเริ่มมีอาการดีใจที่ไม่ได้สอน เพราะเหนื่อยจากงานนอกสะสมจนไม่อยากจะไปสอนเด็ก แล้วต้องสารภาพเลย ว่าไม่เคยเตรียมสอน เพราะไม่มีเวลา

เราอยากเป็นครูที่มีเวลาพัฒนาตนเองจริงๆ เพื่อที่จะไปพัฒนาการสอน พัตนานักเรียน ไม่ใช่มาบังคับให้เราเข้าอบรมไปพร้อมๆกับสอนเด็ก มันไม่มีมารยาท! #อยากให้ลดการประเมินลงลดภาระงานเอกสารลง #ใช้เทคโนโลยีให้มากขึ้นไม่ใช่เสียเวลาชีวิตไปกับการเขียนมือ #ทำโครงการคืนครูสู่ห้องเรียนด้วยค่ะ #พัฒนาคุณภาพคนไม่ใช่พัฒนาเอกสารและประเมิน อีก 100 อย่างที่อยากจะเรียกร้อง

สิ่งที่เสียดายที่สุดที่จะต้องลาออกมา คือสังคมเพื่อนร่วมงานที่ดีมากๆ กับนักเรียนที่น่ารักมากๆของครู ตลอดเวลาแค่เกือบๆ 2 เดือนที่เราได้เจอกัน เป็นความทรงจำที่ดีมากๆเลย ขอบคุณที่เป็นความสุขของเรานะคะ #ขอให้เรามีความสุขในการทำงาน”..