เมื่อวันที่ 8 ส.ค. ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.ศูภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวในการแถลงข่าวการเฝ้าระวังสายพันธุ์โรคโควิด-19 ว่า สัปดาห์ที่ผ่านมามีการตรวจสายพันธุ์โรคโควิดในประเทศไทย พบว่าส่วนใหญ่เป็นสายพันธุ์ BA.4 และ BA.5 โดยเฉพาะคนที่เดินทางมาจากต่างประเทศ ส่วนใหญ่ก็เป็น BA.4 และ BA.5 เช่นกัน เมื่อแยกเป็นพื้นที่ พบว่าใน กทม.เป็น BA.4 และ BA.5 อยู่ที่ 91.5% ที่เหลือเป็นสายพันธุ์ BA.1 และ BA.2 ส่วนภูมิภาค BA.4 และ BA.5 ขึ้นมาที่ 80% อีก 20% เป็น BA.1 และ BA.2

นอกจากนี้ ยังพบสายพันธุ์อื่นๆ ที่โผล่ขึ้นมา คือ BA.2.75 ที่เป็นประเด็นในประเทศอินเดีย และรายงานในระบบฐานข้อมูล GSAID จำนวน 1,434 ราย วันนี้ในไทยพบ 5 รายแล้ว รายแรกเป็นชายไทย อายุ 53 ปี ที่ จ.ตรัง ตามที่มีการรายงานข่าวไปก่อนหน้านี้ รายที่ 2 เป็น ชายไทย อายุ 62 ปี มีอาการไอ มีเสมหะ ไม่แน่ใจติดจากลูกสาวที่ไป กทม.หรือไม่

รายที่ 3 เป็นนักเรียนมัธยมปลาย อายุ 18 ปี ที่โรงเรียนมีคลัสเตอร์เกิดขึ้น ส่วนรายที่ 4 เป็นชาย จังหวัดสงขลา อายุ 62 ปี ไม่ได้รับวัคซีน เป็นรายเดียวใน 5 ราย ที่อาการหนักอยู่ในไอซียู ซึ่งเจ้าตัวบอกว่าแพ้ง่ายเลยไม่ฉีดวัคซีน ซึ่งเป็นความเข้าใจผิด ไม่ได้เป็นข้อห้ามฉีดวัคซีน แต่ถ้าไม่ฉีด เมื่อเกิดการติดเชื้อแล้วจะมีอาการหนัก ส่วนรายสุดท้าย เป็นหญิงสูงอายุ ติดตียง ต้องติดตามและต้องเฝ้าระวังกันต่อไป หากสายพันธุ์นี้แพร่เร็วจริง จะมีสัดส่วนเปอร์เซ็นต์สูงขึ้นเรื่อยๆ แต่หากไม่เร็วจริง จะขึ้นมาสักพักแล้วหายไป.