เมื่อวันที่ 19 ส.ค. นายไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก paisal puechmongkol หัวข้อ “ความล้มเหลว ที่เห็นประจักษ์” มีรายละเอียดดังนี้
ความล้มเหลว ที่เห็นประจักษ์!!!!
กาลวินาศมาถึงแล้ว จะปกปิดอย่างไรก็ไม่มิด
1.แค่ 5-6 ปี ทุนพลังงานใหม่ก็ก้าวสู่มหาเศรษฐีลำดับ 1 ของประเทศไทย ด้วยทรัพย์สินเกือบ 5 แสนล้านบาท ร่ำรวยยิ่งกว่า CP ที่ทำธุรกิจมา 80 ปี ในท่ามกลางความเดือดร้อนทุกข์เข็ญและน้ำตาอานาประชาราษฎร์ทั้งประเทศ
ประสานเสียงมากับข่าวการมีอำนาจเหนือรัฐ เข้าควบคุมสั่งการนักการเมืองจำนวนมากให้เป็นบริษัทบริวารเพื่อรักษาอำนาจปัจจุบันไว้ต่อไปโดยไม่คำนึงว่าอะไรจะเกิดขึ้น
2.วันนี้มีข่าวว่าเดือนหน้าค่า FT ไฟฟ้าจะขึ้นอีกคิดเป็นสัดส่วนถึง 93 เท่า ของค่า FT เดิม
ก็เชิญตามสบาย รีบปล้นรีบสะดมให้เต็มที่
วันเวลาที่ประชาชนจะคิดบัญชี กำลังมาถึงแล้ว!!!
3.สถานการณ์เสียดินแดนภาคใต้ปรากฏรูปร่างชัดเจนขึ้นทุกวัน สภาพการระเบิดทำลายบ้านเมือง กำลังคล้ายซีเรียเข้าไปทุกวันแล้ว แทนที่จะแก้ไขกลับเอาแต่แก้ตัว และประชุมๆๆๆๆๆๆ
หน่วยงานความมั่นคงต้องกลับมาดูแลบ้านเมือง รักษาเอกราชอธิปไตย ความมั่นคงของประเทศและความอยู่ดีกินดีของประชาชน ให้เร็วที่สุด!!!
พึงสำเนียกว่าภารกิจหน่วยงานความมั่นคงทุกหน่วยนั้น ไม่ใช่เสาไม้ค้ำยันอำนาจนักการเมือง เพราะนั่นคือเหตุแห่งวินาศของบ้านเมือง!!!!
4.วาระ 8 ปีที่เริ่มต้นเพียงประกายไฟน้อยๆ วันนี้ไหม้ลามทุ่งไปทั่วประเทศแล้ว
อีกไม่ถึงสัปดาห์ ถ้าผลการลงประชามติของ “สื่อ 4 สำนักใหญ่” ออกมาว่าให้ลาออก จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?
กาลวินาศคราวนี้อาจจะได้เห็นเหตุการณ์แบบศรีลังกาในไม่ช้านี้!!!!
คุณทักษิณไม่มีแผ่นดินอยู่ถึงวันนี้ ก็เพราะไปหลงเชื่อพวกเห็บเหาชุดเดียวกันนี้ วางแผนแยบยล
~เรื่องทำบุญใหญ่ประเทศไทย
~เรื่องการยึดอำนาจสมเด็จพระสังฆราช และ
~เรื่องปลดพลเอกชวลิตกับนายเสนาะ เทียนทอง แต่มาครั้งนี้เห็บเหาเหล่านั้นกระทำการอำมหิตเหี้ยมโหดกว่าเมื่อครั้งทักษิณมากนัก!!!!
เมื่อครั้งกระโน้นผมก็เตือนอย่างนี้ เพราะช่วงนั้นผมมีหน้าที่ทางราชการจึงเตือนเป็นลายลักษณ์อักษรเป็นเนื้อหาหนังสือ 437 ฉบับ แต่สู้น้ำหนักพวกเห็บเหาไม่ได้ ซึ่งผมก็ยังเก็บหลักฐานไว้จนถึงทุกวันนี้ แต่คราวนี้จะหนักกว่าคราวนั้นครับ!!!
เมื่อลุกขึ้นต่อสู้ผู้กดขี่
ประชาชนย่อมมีชีวิตใหม่!!!
ขอบคุณข้อมูลจากเฟซบุ๊ก paisal puechmongkol
