วานนี้ (15 เม.ย. 2567) สำนักข่าวต่างประเทศหลายแห่งรายงานกรณี “เฟซบุ๊ก” ลบโพสต์ไม่ต่ำกว่า 20 โพสต์ ออกจากหน้าเพจของพิพิธภัณฑ์เอาชวิตช์ เมโมเรียล ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมเรื่องราวและหลักฐานเกี่ยวกับชาวยิวผู้ตกเป็นเหยื่อในค่ายกักกันเอาชวิตช์ในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยอ้างว่าเป็นโพสต์ที่ละเมิดนโยบายของแพลตฟอร์ม เนื่องจาก “เป็นภาพเปลือยและยั่วยุทางเพศ”

เหตุการณ์ดังกล่าว สร้างความไม่พอใจแก่ทีมงานของพิพิธภัณฑ์ และออกมาตำหนิแพลตฟอร์มดังเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เนื่องจากโพสต์เหล่านั้น เป็นเพียงภาพและข้อมูลของผู้เสียชีวิตจากค่ายกักกันเอาชวิตช์ และการที่เฟซบุ๊กลบโพสต์ดังกล่าวออกไป ได้สร้างความสะเทือนใจและไม่พอใจแก่ทายาทของผู้เสียชีวิต และผู้ที่รอดชีวิตจากค่ายกักกัน รวมถึงผู้ที่สนใจข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ด้วย

ในแถลงการณ์ของพิพิธภัณฑ์ระบุว่า โพสต์ที่ทางเฟซบุ๊กลบทิ้งและส่ง “คำเตือน” มายังทีมงานนั้น เป็นโพสต์ที่อุทิศให้เหยื่อผู้เสียชีวิตในค่ายกักกันเอาชวิตช์ แต่กลับตกเป็นเป้าในการตรวจจับของระบบตรวจสอบของเฟซบุ๊ก ซึ่งให้เหตุผลในการนำโพสต์เหล่านั้นออกไปหลายประการ เช่น เป็นภาพเปลือยและยั่วยุทางเพศ, เป็นการกลั่นแกล้งและรังควานบุคคลอื่น, เป็นโพสต์แสดงความเกลียดชัง และยั่วยุให้ใช้ความรุนแรง

ทางพิพิธภัณฑ์ชี้ว่า การที่เฟซบุ๊กระบุว่าโพสต์ที่เป็นภาพของเหยื่อจากค่ายกักกัน ซึ่งมีข้อมูลส่วนตัว รวมถึงเรื่องราวเบื้องหลังเล็ก ๆ น้อย ๆ ของบุคคลในภาพอยู่ด้วยนั้น ถูกระบุว่า “ละเมิดมาตรฐานชุมชน” ทำให้เกิดความงุนงงสับสนมาก เพราะก่อนหน้านี้ ทีมงานก็เคยโพสต์ภาพและข้อความแบบเดียวกันมาเป็นเวลาหลายปี โดยที่ไม่เคยมีปัญหาใด ๆ แต่พอมาถึงปีนี้ กลับกลายเป็นโพสต์ที่ได้รับคำแจ้งเตือนว่าละเมิดกฎ

นอกจากนี้ ยังมีภาพหมู่ของเด็กกำพร้าชาวยิวในเมืองอิซิเยอ ที่โดนลบทิ้งออกไปโดยไม่มีสาเหตุ ทีมงานไม่อาจยอมรับการกระทำเช่นนี้ได้ แต่ถือว่าเป็นการหมิ่นแคลนความทรงจำของเหล่าผู้เสียชีวิต ที่ตกเป็นเหยื่อในค่ายเอาชวิตช์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทีมงานพยายามเก็บรักษามาโดยตลอด

ภาพหมู่ของเด็กกำพร้าชาวยิวในฝรั่งเศส ที่โดน “เฟซบุ๊ก” ลบออก

ทีมงานพิพิธภัณฑ์ ยังเรียกร้องให้เฟซบุ๊กออกมาชี้แจงและอธิบายเหตุผลโดยละเอียดว่า ทำไมจึงตัดสินให้ภาพเหล่านี้เป็นภาพที่ “ละเมิดกฎ” ในตอนแรก

อย่างไรก็ตาม มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่า เป็นไปได้ที่อาจมีผู้รายงานโพสต์เหล่านี้ว่าละเมิดกฎชุมชน ซึ่งอาจจะเป็นฝีมือของกลุ่มคนที่เกลียดชังชาวยิว ซึ่งเมื่อมีจำนวนผู้รายงานโพสต์เข้าไปเป็นจำนวนมาก เฟซบุ๊กก็อาจจะลบโพสต์ทิ้งไป หรือซ่อนโพสต์ไว้จากการมองเห็นไว้ก่อน

ด้านโฆษกของเมตา อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของเฟซบุ๊ก ก็ตอบคำถามเกี่ยวกับกรณีที่เกิดขึ้นแก่ผู้สื่อข่าวว่า การส่งคำแจ้งเตือนดังกล่าวไปยังทีมงานของพิพิธภัณฑ์เอาชวิตช์นั้น คือความผิดพลาด พร้อมกับระบุว่า โพสต์เหล่านี้เพียงถูกลดระดับการมองเห็น แต่ไม่มีการเซ็นเซอร์จริง ๆ พร้อมกันนี้ได้กล่าวขออภัยอย่างจริงใจต่อความผิดพลาดที่เกิดขึ้น

นอกจากนี้ ทางเมตายังระบุว่า ได้นำภาพหมู่ของเด็กกำพร้าชาวยิว ซึ่งทางพิพิธภัณฑ์ระบุว่าถูกลบออกไปนั้น กลับเข้าสู่ระบบตามเดิมแล้ว

อนึ่ง ค่ายกักกันเอาชวิตช์ เป็นค่ายกักขังนักโทษในโปแลนด์ ตั้งขึ้นโดยกองทัพนาซีที่บุกรุกเข้าสู่ประเทศโปแลนด์ เมื่อปี ค.ศ. 1940 และกลายเป็นสถานที่สังหารนักโทษที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โลก ก่อนที่จะมีการปลดปล่อยนักโทษ และปิดค่ายในปี ค.ศ. ​1945 

ผู้เสียชีวิตในค่ายกักกันนี้มีมากกว่า 1 ล้านคน ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่มีเชื้อสายยิว นักโทษในค่ายจะโดนทรมานและปล่อยให้อดอยาก ก่อนจะโดนฆ่าทิ้งหรือส่งไปยังห้องรมแก๊สพิษ นอกจากนี้ ยังมีนักโทษจำนวนมากที่เสียชีวิต เพราะเจ็บป่วยและมีภาวะทุพโภชนาการ

ที่มา : dailymail.co.uk

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES