เมื่อวันที่ 13 ก.ย. ที่ กระทรวงยุติธรรม นายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษาประธานคณะกรรมาธิการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ได้พานายธีรพิพัฒน์ (สงวนนามสกุล) อายุ 46 ปี ผู้เสียหาย อดีตนักโทษเด็ดขาดชั้นเยี่ยม เดินทางมาเข้าพบ ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขาฯ รมว.ยุติธรรม เพื่อขอความช่วยเหลือ หลังจากที่นายธีรพิพัฒน์ ผู้ซึ่งเคยต้องโทษอยู่ที่เรือนจำจังหวัดพะเยา ไม่ได้รับความเป็นธรรมระหว่างที่อยู่เรือนจำ ซึ่งได้รับการอภัยโทษ 2 ครั้ง แต่หลังจากได้ถูกปล่อยตัวออกมาแล้ว ต่อมาทางเรือนจำได้มีหนังสือให้ศาลจังหวัดพะเยา เรียกตัวให้ผู้เสียหายกลับไปรับโทษที่เหลืออีก 7 เดือนเหมือนเดิม ทั้งที่ได้รับอภัยโทษแล้ว

ด้าน ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขาฯ รมว.ยุติธรรม เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้พูดคุยทำความเข้าใจกับนายธีรพิพัฒน์ ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นผู้ต้องขังในเรือนจำพะเยา โดยศาลฎีกาได้พิพากษาตามศาลชั้นต้นจำคุก 3 ปี เข้าเรือนจำวันที่ 7 เม.ย. 64 และได้มีการขอรับการอภัยโทษ ซึ่งถูกปล่อยตัวออกมาเมื่อวันที่ 7 ก.พ. 65 แต่กลับได้รับหมายเรียกให้กลับไปรายงานตัวที่ศาล เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่เรือนจำไปยื่นคำร้องว่ามีการปล่อยตัวผิดพลาด และให้กลับไปรับโทษที่เหลืออีก 7 เดือน เนื่องจากหลังออกจากเรือนจำมาแล้ว ได้มีหนังสือยกเลิกไม่ให้ชั้นพิเศษในเดือนตุลาคมปี 64

ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต เผยอีกว่า ในเรื่องนี้จะต้องมีการลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง แต่จากการอธิบายขั้นตอนรายละเอียดต่างๆ ให้กับนายธีรพิพัฒน์ทราบนั้น เจ้าตัวเข้าใจและรอฟังคำตัดสินของศาล พร้อมยืนยันว่า ถ้าหากจะมีการให้นายธีรพิพัฒน์ กลับเข้าไปรับโทษ ทางกระทรวงยุติธรรมจะดูแลเรื่องความปลอดภัยและสิทธิต่างๆ ส่วนความเสียหายทางแพ่งที่นายธีรพิพัฒน์ ได้ลงทุนทำธุรกิจในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมานั้น หากเกิดความเสียหายอย่างไร ก็จะมีการช่วยดูแล และให้คำแนะนำขั้นตอนกระบวนการในการเรียกร้องค่าชดเชยในส่วนนี้ต่อไป

เมื่อถามว่ามีเหตุการณ์ในลักษณะนี้เกิดขึ้นบ่อยหรือไม่ ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต เผยว่า ในส่วนของกระบวนการ ไม่ว่าจะอย่างไร กรมราชทัณฑ์ก็ต้องดำเนินการไปตามระบบ แต่การปล่อยครั้งนี้ เป็นการปล่อยโดยชอบด้วยกฏหมาย แต่มีการเพิกถอนคำสั่งในภายหลัง ซึ่งเคสนี้อาจจะมีช่องทาง เช่น การขอติดกำไล EM ได้หรือไม่ ซึ่งต้องไปดูในเรื่องของเงื่อนไข ทั้งนี้ จะต้องรอฟังคำสั่งจากศาลอีกครั้ง

ขณะที่นายธีรพิพัฒน์ ระบุว่า หลังจากได้มีการพูดคุยทำความเข้าใจ ตนรู้สึกสบายใจขึ้น รอเพียงแค่ฟังคำตัดสินของศาล โดยส่วนตัวได้มีการยื่น 7 เรื่องให้ทางกระทรวงยุติธรรมดำเนินการตรวจสอบ ทั้งเรื่องความผิดพลาดที่เกิดขึ้นและการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ในกรมราชทัณฑ์จังหวัดพะเยา อย่างไรก็ตาม ตนพร้อมน้อมรับคำตัดสินของศาล.