สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงซันติอาโก ประเทศชิลี เมื่อวันที่ 11 ส.ค.ว่ากระทรวงสาธารณสุขของชิลีเริ่มการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เป็นเข็มที่สาม หรือ "บูสเตอร์" ให้แก่ประชาชนซึ่งมีอายุตั้งแต่ 86 ปี ซึ่งได้รับวัคซีนของซิโนแวคครบสองเข็มก่อนวันที่ 31 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยวัคซีนที่จะฉีดกระตุ้นให้แก่ประชาชนกลุ่มนี้ คือวัคซีนของแอสตราเซเนกา/ออกซฟอร์ด
ขณะที่ นพ.เฟอร์นันโด เลียเนส ผู้แทนองค์การอนามัยโลก ( ดับเบิลยูเอชโอ ) ประจำชิลี กล่าวว่า ดับเบิลยูเอชโอชื่นชมการที่ชิลีเป็นหนึ่งในประเทศซึ่งสามารถฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้แก่ประชาชนได้มากเป็นลำดับต้นของโลก แล้วยังมีการบริจาควัคซีนบางส่วนให้แก่ประเทศร่วมภูมิภาค อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีหลักฐานบ่งชี้ชัดเจนเพียงพอในเวลานี้ ว่า "การฉีดบูสเตอร์มีความจำเป็น"
ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขของชิลีเผยแพร่รายงาน เมื่อช่วงต้นเดือนนี้ ว่าประสิทธิภาพด้านการป้องกันการติดเชื้อแบบมีอาการของวัคซีน "โคโรนาแวค" ซึ่งเป็นชื่อทางการค้าของวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ที่ผลิตโดยซิโนแวค ลดลงจาก 67% ในการรวบรวมข้อมูลระหว่างเดือน ก.พ.-เม.ย.ที่ผ่านมา ลงมาอยู่ที่ 58.5% ตั้งแต่เดือน ก.ค.เป็นต้นมา ซึ่งเป็นผลจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตา แต่ประสิทธิภาพของวัคซีนซิโนแวคยังคงสูงกว่าเกณฑ์ของดับเบิลยูเอชโอ ซึ่งกำหนดไว้ในช่วงสถานการณ์ฉุกเฉินที่ขั้นต่ำ 50%.

เครดิตภาพ : AP