เชื่อว่าหลายคนมีความเข้าใจว่า ขอบตาดำเกิดจากการนอนดึกหรือร้องไห้ แต่ในความเป็นจริงมีหลายปัจจัยที่ทำให้ขอบตาดำได้ ซึ่งอาการขอบตาดำส่วนใหญ่ ไม่ได้เป็นสัญญาณของโรคร้ายแรงแต่อย่างใด ใครที่กำลังเผชิญปัญหานี้ อาจจัดการได้ด้วยตนเองที่บ้าน หรืออาจเลือกปรึกษาแพทย์เพื่อเข้ารับการรักษา

ปัจจัยที่ทำให้เกิดอาการขอบตาดำมีหลายสาเหตุ ทั้งรูปแบบการใช้ชีวิตประจำวัน ฮอร์โมน อาการเจ็บป่วย หรือหลาย ๆ สาเหตุรวมกัน โดยปัจจัยตัวอย่างที่อาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดขอบตาดำ ได้แก่
อายุ เมื่อเริ่มมีอายุมากขึ้น ถุงใต้ตาบริเวณหนังตาจะเริ่มหย่อนยาน ทำให้เกิดเป็นเงาบริเวณขอบตา อีกทั้งการผลิตไขมันและคอลลาเจนบริเวณผิวหนังก็ลดลงตามไปด้วย ทำให้ผิวหนังบางจนเห็นเส้นเลือดใต้ผิวหนัง และทำให้ความคล้ำบริเวณขอบตายิ่งชัดเจนขึ้น
ความเครียดและการพักผ่อนน้อย ส่งผลให้มีปัญหาในการนอนหลับ ทำให้ผิวซีดจางและดวงตาบุ๋มลึกมากขึ้น จนเห็นรอยคล้ำใต้ตาได้ชัดเจน
อาการเจ็บป่วยต่าง ๆ เช่น อาการแพ้ เพราะหากเกิดอาการภูมิแพ้ขึ้นตาจะทำให้ระคายเคืองดวงตาและเผลอไปขยี้ตา ซึ่งอาจส่งผลให้ขอบตาดำ หรือเกิดการคัดจมูกซึ่งอาการดังกล่าวอาจทำให้เส้นเลือดบริเวณดวงตาและจมูกบวมขึ้น จนทำให้ผิวบริเวณใต้ดวงตาดำคล้ำขึ้นได้เช่นกัน
ภาวะขาดน้ำ เมื่อร่างกายไม่ได้รับน้ำอย่างเพียงพอตามปริมาณที่ต้องการ เซลล์ผิวก็จะไม่กระจ่างใส ส่งผลให้รอยดำคล้ำใต้ตาชัดเจนยิ่งขึ้น
การตั้งครรภ์ เมื่ออยู่ในช่วงตั้งครรภ์ ฮอร์โมนในร่างกายจะเปลี่ยนแปลง อาจส่งผลให้เส้นเลือดใต้ผิวหนังขยายตัว จนเห็นเป็นรอยคล้ำใต้ตา
การสูบหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ บุหรี่ทำให้ขอบตาดำคล้ำยิ่งขึ้น และการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อาจทำให้เส้นเลือดใต้ผิวหนังขยายตัว จนเห็นเป็นรอยคล้ำใต้ดวงตา
แสงแดด อาจกระตุ้นให้เกิดการผลิตเม็ดสีที่ผิวหนังเพิ่มมากขึ้น จนผิวหน้าบริเวณขอบตาดำคล้ำขึ้นได้

สำหรับวิธีแก้กับปัญหาขอบตาดำ อาจขึ้นอยู่กับสาเหตุปัจจัยที่ทำให้เกิดรอยคล้ำรอบดวงตา ซึ่งหากขอบตาดำเพราะอายุมากขึ้นก็อาจจัดการได้ค่อนข้างยาก แต่หากขอบตาดำเกิดจากสาเหตุอื่น ๆ อาจหลีกเลี่ยงปัจจัยบางอย่างได้ ส่วนผู้ที่ประสบปัญหาขอบตาดำสาเหตุจากโรคและการเจ็บป่วย เช่น โรคภูมิแพ้ หรือโรคหวัด อาจต้องเข้ารับการปรึกษาจากแพทย์เพื่อเข้ารับการรักษาต่อไป..

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก pobpad