เมื่อวันที่ 30 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 21.00 น. คืนวันที่ 29 ก.ย. ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวรับแจ้งมีน้ำทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน บริเวณหมู่บ้านเทพประทาน ต.พรหมณี อ.เมือง จ.นครนายก จึงรุดเข้าตรวจสอบพบบ้านเรือนประชาชน หมู่ 4 และหมู่ 14 กำลังเร่งกันตักทรายใส่กระสอบนำไปกั้นน้ำบริเวณบ้านพักอาศัยของตัวเอง จากการพูดคุยกับชาวบ้านต่างพากันพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าสถานการณ์น้ำท่วมครั้งนี้ หนักที่สุดเท่าที่เคยเจอมา มีคุณยาย อายุ 74 ปี บอกว่าอยู่มาตั้งแต่เริ่มก่อตั้งหมู่บ้านมากกว่า 50 ปี ไม่เคยเจอสถานการณ์น้ำท่วมที่รุนแรงขนาดนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น้ำที่ทะลักท่วมบ้านเรือนประชาชนเบื้องต้นพบว่ามาจากเส้นทางหลักคือฝายกักเก็บน้ำของโรงเรียนนายร้อย จปร. ซึ่งกักเก็บน้ำไว้เพื่อช่วยเหลือประชาชนใช้ช่วงหน้าแล้ง แต่ช่วงเดือนที่ผ่านมา จ.นครนายก มีฝนตกมาเป็นระยะ จึงทำให้น้ำที่ฝายของโรงเรียนนายร้อย จปร. มีปริมาณน้ำเป็นจำนวนมากอยู่แล้ว กระทั่งพายุโนรู เข้ามาซ้ำอีกทำให้ฝนตกลงมาตลอดทั้งวันทั้งคืน ทำให้น้ำล้นสปิลล์เวย์ฝายเก็บน้ำออกมาท่วมภายในโรงเรียนนายร้อย จปร. เมื่อน้ำจากโรงเรียนนายร้อย จปร. ระบายลงมาทำให้เข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนดังกล่าว และยังคงเพิ่มปริมาณขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ผู้สื่อข่าวตรวจสอบบริเวณฝายเก็บน้ำของโรงเรียนนายร้อย จปร. ก็ยังคงมีปริมาณน้ำจำนวนมากที่ยังล้นสปิลล์เวย์ออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งระดับน้ำของบ้านเรือนประชาชนจะลดลงได้ก็ต่อเมื่อน้ำบริเวณฝายเก็บน้ำนั้นหยุดระบายออกมา แต่แม้ฝนจะหยุดตั้งแต่ช่วงบ่าย (29 ก.ย.) ที่ผ่านมา และไม่ตกลงมาเพิ่ม ชาวบ้านก็หวังว่าสถานการณ์จะดีขึ้นและไม่รุนแรงไปมากกว่านี้ ซึ่งทาง อบต.พรหมณี ได้เร่งดำเนินการขนทรายมาเพิ่มให้ชาวบ้านอย่างต่อเนื่องเพื่อนำบรรเทาความเสียหายเบื้องต้น และจะเร่งดำเนินการช่วยเหลือด้านอื่นๆต่อไป.