เมื่อวันที่ 30 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า ภายหลัง ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 6 ต่อ 3 เสียง วินิจฉัยความเป็นนายกรัฐมนตรี ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่สิ้นสุดลง และให้เริ่มนับวาระการดำรงตำแหน่งนายกฯ ตั้งแต่วันที่ 6 เม.ย. 2560 ซึ่งเป็นวันที่รัฐธรรมนูญปี 2560 ประกาศใช้ ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ครบวาระดำรงตำแหน่ง 8 ปี วันที่ 5 เม.ย. 2568 นั้น
จาการตรวจสอบตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เสียงข้างมาก 6 ราย ที่ชี้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ ยังดำรงตำแหน่งไม่ครบ 8 ปี ได้แก่ นายวรวิทย์ กังศศิเทียม ประธานศาลรัฐธรรมนูญ, นายปัญญา อุดชาชน, นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม, นายบรรจงศักดิ์ วงศ์ปราชญ์, นายจิรนิติ หะวานนท์ และนายวิรุฬห์ แสงเทียน
ส่วนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เสียงข้างเสียงข้างน้อย 3 ราย ที่เห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ ดำรงตำแหน่งนายกฯ ครบ 8 ปีแล้ว ได้แก่ นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์, นายทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ์ และนายนภดล เทพพิทักษ์
อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 24 ส.ค. ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีมติ 5 ต่อ 4 ให้ พล.อ.ประยุทธ์ หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ จนกว่าศาลจะมีวินิจฉัยนั้น โดยเสียงข้างมาก 5 เสียง ที่เห็นว่าควรหยุดปฏิบัติหน้าที่ ประกอบด้วย นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์, นายทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ์, นายจิรนิติ หะวานนท์, นายวิรุฬห์ แสงเทียน และ นายนภดล เทพพิทักษ์
ส่วนเสียงข้างน้อย 4 เสียง เห็นว่า ไม่ควรหยุดปฏิบัติหน้าที่ ประกอบด้วย นายวรวิทย์ กังศศิเทียม ประธานศาลรัฐธรรมนูญ, นายปัญญา อุดชาชน, นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม และ นายบรรจงศักดิ์ วงศ์ปราชญ์
เท่ากับนายจิรนิติ หะวานนท์ และนายวิรุฬห์ แสงเทียน ที่เคยมีคำสั่งให้ พล.อ.ประยุทธ์ หยุดปฏิบัติหน้าที่ เมื่อวันที่ 24 ส.ค. แต่มาวันที่ 30 ก.ย. วินิจฉัยให้ความเป็นนายกรัฐมนตรี ของ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่สิ้นสุดลง.