เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 11 ต.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.มีมติอนุมัติวงเงินงบประมาณรวมทั้งสิ้น 6,077.808 ล้านบาท ให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินโครงการเพื่อการพัฒนาปี 64 ของการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของระบบผลิตน้ำระบบส่งน้ำ และระบบจ่ายน้ำประปา ให้สามารถบริการน้ำประปาแก่ประชาชนได้เพิ่มขึ้นในอนาคตอย่างพอเพียง รวมทั้งเพื่อบริหารจัดการลดน้ำสูญเสียในระบบผลิต-จ่ายให้เป็นไปตามเป้าหมาย และใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งสิ้น 19 โครงการประกอบด้วย 1.โครงการก่อสร้างปรับปรุงขยาย และการบริหารจัดการลดน้ำสูญเสีย จำนวน 16 โครงการ และ 2.โครงการ ก่อสร้างปรับปรุงกิจการประปาองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) จำนวน 3 โครงการ
ทั้งนี้เนื่องจากปัญหาระบบน้ำดิบ เช่น แหล่งน้ำดิบในบางพื้นที่ไม่มีคุณภาพ ปัญหาระบบผลิตน้ำ อาทิ ประชากรและครัวเรือนในแต่ละพื้นที่ มีอัตราเพิ่มขึ้นทุกปีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกำลังการผลิตน้ำที่มีอยู่ ไม่สามารถรองรับความต้องการใช้น้ำใน 10 ปีข้างหน้าได้ โดยอยู่ระหว่างการจัดหาที่ดินเพื่อก่อสร้างสถานีสูบน้ำดิบ สถานีผลิตน้ำ และสถานีจ่ายน้ำแห่งใหม่จำนวน 12 แห่ง เมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จ จะสามารถให้บริการผู้ใช้น้ำเพิ่มอีก 104,800 ราย จะช่วยให้ประชาชนในเขตพื้นที่จำหน่ายน้ำของโครงการได้รับบริการน้ำสะอาดที่มีคุณภาพและปริมาณ เพียงพอสำหรับใช้เพื่อการอุปโภค และบริโภค
ในส่วนของงบประมาณ ที่ประชุม ครม.ได้เสนอให้ กปภ.พิจารณาใช้จ่ายเงินลงทุนจากเงินรายได้เป็นลำดับแรก หากมีความจำเป็นต้องกู้เงิน ให้ กปภ.ดำเนินการตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม สั่งการให้ดำเนินโครงการด้วยความสุจริต โปร่งใสเป็นธรรม มีประสิทธิภาพสามารถตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน
ทางด้าน น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ครม.เห็นชอบโครงการศูนย์สุขภาพนานาชาติอันดามัน โดยมีสถานที่ตั้งโครงการอยู่ที่ จ.ภูเก็ต วงเงินงบประมาณรวมทั้งสิ้น 5,116 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินการ 5 ปี (ปี 66-70) โดยขอผูกพันงบประมาณ ดังนี้คือ ปีงบประมาณ 66 วงเงิน 1,291 ล้านบาท ปี 67 วงเงิน 1,656 ล้านบาท ปี 68 วงเงิน 1,476 ล้านบาท ปี 69 วงเงิน 498 ล้านบาท ปี 70 วงเงิน 193 ล้านบาท

สำหรับโครงการศูนย์สุขภาพนานาชาติอันดามัน จะเป็นสถานที่ผลิตบุคลากรด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ โดยการพัฒนาทั้งด้านบุคลากร การวิจัยเทคโนโลยีทางการแพทย์จากศูนย์สุขภาพนานาชาติฯ จะมีส่วนสำคัญในการผลักดันประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ (Medical Hub) และศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในอนาคต สร้างรายได้แก่ประเทศสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีอีกด้วย
สำหรับผลที่คาดว่าจะได้รับจากโครงการ คือ มีศูนย์การแพทย์เฉพาะทาง ขนาด 300 เตียง ให้บริการผู้ป่วยโรคซับซ้อนชาวไทยไม่น้อยกว่า 12,500 คนต่อปี ผู้ป่วยนอกไม่น้อยกว่า 300,000 คนต่อปี มีรายได้จากการรักษาชาวต่างชาติไม่น้อยกว่า 1,600 ล้านบาทต่อปี มีศูนย์ทันตกรรมที่ทันสมัยแห่งแรกในภาคใต้และมีรายได้จากการให้บริการชาวต่างชาติไม่น้อยกว่า 300 ล้านบาทต่อปี และสามารถผลิตบุคลากรด้านสาธารณสุขและวิทยาศาสตร์สุขภาพ ที่สำเร็จตามหลักสูตรปีละ 110 คน อบรมทักษะต่าง ๆ ตามความต้องการของภาครัฐและเอกชนในพื้นที่ไม่น้อยกว่า 1,000 คนต่อปี ลดการไปรักษาโรคซับซ้อนในพื้นที่อื่นของคนในพื้นที่อันดามันไม่น้อยกว่า 13,500 ครั้งต่อปี ทำให้ประหยัดเงินไม่น้อยกว่า 135 ล้านบาทต่อปี และเพิ่มมูลค่าการท่องเที่ยวในพื้นที่อันดามันให้เป็นการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพมากขึ้น ไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 ของมูลค่าเดิมหรือเพิ่มขึ้นประมาณ 62,000 ล้านบาทต่อปี.