จากจากรณีตำรวจกองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล บุกช่วยเหยื่อ 5 ราย ประกอบด้วย อดีตพยาบาลสาว 3 รายและลูก หลังถูกนายฮารุ (สงวนนามสกุล) อายุ 39 ปี และนายตรีเพชรรัตน (สงวนนามสกุล) อายุ 20 ปี ผู้นำคลั่งลัทธิ ลวงใช้หนี้อุปโลกน์ 140 ล้านบาท ก่อนลงมือทำร้ายร่างกายสุดวิตถาร ทั้งโกนผมและสาดนํ้าร้อน อย่างทารุณนานกว่า 3 ปี เหตุเกิดในคอนโดมิเนียมหรูใจกลางกรุงเทพมหานคร กระทั่งสามารถจับกุมตัว 2 ผู้ต้องหาได้ในเวลาต่อมา ตามที่มีการรายงานข่าวไปอย่างต่อเนื่องแล้วนั้น

ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 20 ต.ค. ที่สโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดีรังสิต กรุงเทพฯ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาเพื่อเด็กและสตรี นำสองอดีตพยาบาลสาว ได้แก่ น.ส.พลอย (นามสมมุติ) และ น.ส.ไข่มุก (นามสมมุติ) พร้อมกับแม่และน้องชายของอดีตพยาบาลสาว น.ส.ไพลิน (นามสมมุติ) ที่ขณะนี้กำลังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจ เข้าพบ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เพื่อขอให้ช่วยติดตามคดีให้ถึงที่สุด พิจารณาเรื่องหนี้สินและทรัพย์สินที่ถูกหลอกไปขายหลายสิบล้านบาท ยึดทรัพย์จากผู้กระทำผิดมาใช้หนี้ วอนช่วยกลับเข้าทำงานพยาบาลให้เลี้ยงชีพได้ และขอให้มูลนิธิปวีณาฯ ช่วยดูแลเรื่องความปลอดภัย

น.ส.ไข่มุก อายุ 48 ปี อดีตพยาบาล เล่าถึงพฤติการณ์ของนายฮารุ ว่า เริ่มจากการแนะนำของเกดและจีให้ได้รู้จักกับนายฮารุ ในชื่อหมอเคท เป็นลูกครึ่ง ญี่ปุ่น-เกาหลี ซึ่งเป็นหมอทูตประจำสถานทูตอเมริกา และทำงานดูแลชาวอเมริกันที่เจ็บป่วยและรักษาตัวที่รพ.จุฬาฯ ในวันที่ 30 มิ.ย. 64 นายฮารุ ได้เข้ามาพบเพื่อพูดคุยชักชวนให้เข้ามาช่วยเป็นตัวแทนกระจายสินค้าได้แก่คอลลาเจนและเซรั่ม ต่อมายังได้ชักชวนให้เป็นหุ้นส่วนร่วมลงทุนโดยต้องนำเงินมาลงทุนและไม่ให้ถามว่าลงทุนคนละเท่าไหร่ เพราะว่าเข้ามาทีหลังเป็นการมารับผลประโยชน์ หลังจากติดต่อประสานงานเสร็จสิ้นแล้ว ส่วนเรื่องการบังคับให้ทำยอดขายนั้น เกิดขึ้นตอนเดือน ก.พ. 65 โดยถ้าทำยอดไม่ได้ หรือ ขายสินค้า 10 ลัง คิดเป็นจำนวนเงิน 200,000 บาท แต่ถ้าทำไม่ได้ก็ต้องไปหาเงินให้ได้ตามยอด

เปิดคำสารภาพ ‘ผู้นำลัทธิ’ สุดป่าเถื่อน ‘ตำรวจ’ ฟังแล้วถึงกับต้องอึ้ง!

จับแล้ว! สาวสองอ้างเป็น ‘ผู้นำลัทธิ’ กักขังทำร้าย 3 พยาบาล ‘แม่-ลูก’ อย่างทารุณ

น.ส.ไข่มุก กล่าวอีกว่า นายฮารุ อ้างว่าเป็นลูกท่านทูต รู้จักกับตำรวจ ข้าราชการ คนในวงการบันเทิง วงการประกวดนางงาม และเจ้าของเวทีประกวดนางงาม Miss Univers thailand เพื่อให้เกิดความน่าเชื่อถือ จากนั้นหว่านล้อมและหลอกให้ร่วมลงทุนขายของออนไลน์ เป็นอาหารเสริมประเภทคอลลาเจน โดยการันตีรายได้ รวมถึงยังมีการโน้มน้าวให้ตนออกจากราชการเสมอ จึงตัดสินใจลาออกจากอาชีพพยาบาลมาร่วมงานด้วย โดยในช่วงแรกผู้ก่อเหตุจะคอยสอนให้ทำธุรกิจด้วยการไลฟ์สดขายของทางออนไลน์ ก่อนจะชวนมาร่วมลงทุนเป็นหุ้นส่วน จากนั้นโน้มน้าวให้ผู้เสียหายขายบ้าน ขายรถ กู้หนี้ยืมหนี้สินจากสินเชื่อและบัตรเครดิต นำเงินทั้งหมดมาลงทุนร่วมลงทุน ทำให้เป็นหนี้กว่า 10 ล้านบาท ส่วนอีกรายเป็นหนี้เกือบ 3 ล้านบาท

ส่วนสาเหตุที่ทำให้ถูกทำร้ายร่างกายส่วนใหญ่ น.ส.ไข่มุก กล่าวว่า สาเหตุมาจากผู้ก่อเหตุไม่พอใจ ช่วงเเรกก็จะเริ่มต่อว่าด้วยวาจา ต่อมาเริ่มตบตี และชกต่อย โดยเริ่มทำร้ายมาตั้งแต่ปลายปี 2564 และข่มขู่ว่าหากออกจากคอนโดจะดำเนินคดีฐานฉ้อโกงจากการทำธุรกิจและผิดสัญญา อีกทั้งจะเอาเรื่องไปถึงครอบครัว โดยแอบอ้างรู้จักตำรวจระดับสูง จึงทำให้ผู้เสียหายทั้งหมดหวาดกลัว ไม่กล้าออกจากคอนโดดังกล่าว จนกระทั่งเมื่อช่วงเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา ผู้ก่อเหตุทำร้ายร่างกายถึงขั้นเอาน้ำร้อนมาราดตัวตามหน้าอก ซึ่งตอนโดนน้ำร้อนลวก ตนยิ่งอยากกระโดดตึกฆ่าตัวตาย นอกจากนี้ ยังมีการบังคับให้ผู้เสียหายทั้งหมดทำร้ายร่างกายกันเอง โกนหัวโกนคิ้ว ส่วนเหยื่ออีกคน ที่ถูกนำตัวมากักขัง ผู้ก่อเหตุบังคับให้ทำร้ายตบตีลูกตัวเองโดยไม่มีสาเหตุ และพยายามสร้างเรื่องให้ลูกเกลียดแม่ตัวเอง ส่วนตัวผู้ก่อเหตุก็จะมารับบทเป็นแม่พระ เข้ามาปลอบเด็ก ซึ่งตอนนี้ทั้งแม่และลูกไม่ยอมรับว่าเป็นสายเลือดเดียวกัน และทั้งหมดยังพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจ

ทั้งนี้ ตนอยากให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ช่วยติดตามเรื่องคดี จนถึงที่สุด ถ้าหากผู้ต้องหาหลุดออกมาได้ ตนก็หวาดกลัวอย่างเรื่องหนี้สินที่เขาให้เราไปกู้ค้างคาไว้จนถึงตอนนี้ ตนอยากให้เข้ามาช่วยคุยขอประนอมหนี้ ยืดระยะเวลาให้เราตั้งตัวได้ก่อน ตนยืนยันว่าพร้อมหาเงินใช้หนี้แน่นอน เพียงขอเวลาเท่านั้น

ด้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า เบื้องต้นยังมีผู้ต้องหาแค่สองราย แต่ถ้าขยายผลแล้วพบว่าเกี่ยวข้องกับบุคคลใดอีก ก็จะเรียกมาดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นดาราหรือบุคคลใดก็ตาม หลังจากนี้ หากมีใครเสียหายจากผู้ก่อเหตุอีก สามารถติดต่อไปยังนางปวีณา เพื่อรวบรวมข้อมูล ส่งตรวจกับแพทย์และส่งต่อมายังตนตามขั้นตอน เพื่อตำรวจเข้ามาสอบปากคำต่อไป

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า ตนได้สั่งการให้ชุดปฏิบัติการสืบสวนและสอบสวนขยายผล ติดตามคดีนี้อย่างใกล้ชิด ซึ่งอาจเข้าข่ายเป็นความผิดในคดีค้ามนุษย์ได้ แต่คงจะต้องตรวจสอบอย่างละเอียด รวมถึงสอบสวนสืบสวนและติดตามจำนวนผู้เสียหายเพิ่มเติม เพื่อสอบปากคำถึงพฤติการณ์ของผู้ก่อเหตุว่าเข้าข่ายพิจารณาเป็นคดีค้ามนุษย์หรือไม่ แต่ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ทำงานอย่างเต็มที่.