เมื่อวันที่ 7 พ.ย. ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดี 8 แอดมินเพจล้อเลียนเพจ “เรารักประยุทธ์” หมายเลขดำ อ.3036/2562 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 3 เป็นโจทก์ฟ้อง นายศุภชัย สายบุตร น.ส.ณัฏฐิกา หรือนัท วรธันยวิชย์ นายนพเก้า คงสุวรรณ นายธนวรรธ บูรณศิริ นายโยธิน มั่งคั่งสง่า นายวรวิทย์ ศักดิ์สมุทรานันท์ นายกัณสิทธิ์ ตั้งบุญธินา และนายหฤษฎ์ มหาทน ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-9 ตามลำดับ ในความผิดฐาน ร่วมกันก่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องขึ้นในหมู่ประชาชนหรือขนาดก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร

กรณีจำเลยทั้ง 8 คน กับพวกที่หลบหนีร่วมกันแบ่งหน้าที่กันทำเปิดเฟซบุ๊กใช้ชื่อว่า “เรารักพลเอกประยุทธ์” มีเนื้อหาการทำงานรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยจำเลยที่ 1, 2, 4 และ 5 เป็นผู้ดูแล (ADMIN) เว็บเพจ “เรารักพลเอกประยุทธ์” จำเลยที่ 3 มีหน้าที่ตัดต่อรูปภาพ ส่วนจำเลยที่ 6 มีหน้าที่จัดหาข้อมูลตัดต่อรูปภาพ จำเลยที่ 7 มีหน้าที่เผยแพร่เนื้อหา ตัดต่อรูปภาพ โดยมีจำเลยที่ 8 มีหน้าที่คอยสั่งการและจ่ายค่าจ้างให้จำเลยอื่นๆ และค่าใช้จ่ายในการทำเว็บเพจดังกล่าว

โดยเมื่อระหว่างเดือน พ.ย. 2558 ถึงวันที่ 7 เม.ย. 2559 จำเลยทั้งแปดร่วมกันโพสต์ภาพใบหน้า พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง และรมว.กลาโหม (ขณะนั้น) ตัดต่ออยู่บนกระทง พร้อมข้อความว่า “ร่วมลอยกระทงยักษ์ขับไล่ (เผด็จการ) อัปมงคล รำวงสืบสานวิถีราษฎร และกิจกรรมอื่นๆ ที่ลานปรีดี พนมยงค์ มธ.ท่าพระจันทร์ โดยจำเลยทั้งแปดรู้อยู่แล้วว่า การโพสต์ภาพและข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์มุ่งประสงค์ให้ประชาชนที่เห็นภาพและอ่านข้อความดังกล่าวซึ่งเป็นการสร้างความกระด้างกระเดื่อง ให้ประชาชนร่วมกันออกมาขับไล่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ถึงขนาดก่อความวุ่นวายขึ้นในราชอาณาจักร

ขอให้ลงโทษพวกจำเลยตาม ปอ.ม.116, 83 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ม.14 ทั้งนี้ จำเลยที่ 1, 3-8 ได้รับการประกันตัว ส่วน น.ส.ณัฏฐิกา หรือนัท ลี้ภัยไปอยู่สหรัฐอเมริกา โดยวันนี้ พนักงานอัยการและจำเลยที่ 1, 3-8 พร้อมทนายความเดินทางมาฟังคำพิพากษา

ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้วเห็นว่า การโพสต์ภาพตัดต่อดังกล่าวลงในเพจเฟซบุ๊ก “เรารักพลเอกประยุทธ์” แม้จะมีข้อความที่ไม่เหมาะสม รุนแรงเกินเลยไปบ้าง แต่ก็ไม่ได้มีความมุ่งหมายชักชวนให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายหรือล้มล้างรัฐธรรมนูญฯ นอกจากนี้ในวันนัดหมายดังกล่าวก็เป็นรวมตัวกันของประชาชนที่ปราศจากอาวุธ และไม่ปรากฏว่าเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงใดๆ ดังนั้นการที่จำเลยที่ 1, 3-8 แสดงความคิดเห็นที่แตกต่างไปจากรัฐบาล ก็เป็นไปตามสิทธิ เสรีภาพในวิถีทางตามระบอบประชาธิปไตย พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมายังไม่พอฟังได้ว่า การกระทำของจำเลยที่ 1, 3-8 เป็นความผิดตาม มาตรา 116 จึงพิพากษา ยกฟ้อง

ภายหลัง นายวิญญัติ ชาติมนตรี กล่าวว่า ศาลวินิจฉัย 2 ประเด็นคือ มีหลักฐานในเชิงประจักษ์ที่ได้จากการซักถามในค่ายทหาร ว่า น้องๆ ที่เป็นจำเลยทั้ง 7 คน ได้โพสต์ภาพและข้อความที่มีการตัดต่อลงในระบบอินเทอร์เน็ต ซึ่งศาลมองว่ามีพยานหลักฐานที่น่าเชื่อถือได้ แต่หลักฐานต่างๆ ก็ไม่ยืนยันว่าการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ดังกล่าวนั้นผิดกฎหมายอาญา มาตรา 114 หรือไม่ และการตัดต่อภาพอาจจะเป็นความผิดตามมาตรา 116 อย่างไรก็ตาม ศาลได้วินิจฉัยประเด็นต่อมาว่า เนื้อหาที่มีภาพ พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร รองนายกฯ และมีการชักชวนให้ทำกิจกรรมในวันลอยกระทง เมื่อปี 2559 แม้จะมีคำว่าเผด็จการ อัปมงคล หรือ มีรูปภาพของนายกรัฐมนตรี และรองนายกฯ แต่เป็นการแสดงความคิดเห็นตามรัฐธรรมนูญ เป็นสิทธิและเสรีภาพตามวิถีทางประชาธิปไตย เนื้อหาก็ไม่ได้เป็นอันตรายหรือชักชวนให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมาย ถือว่าคดีในชั้นต้นสิ้นสุดแล้ว เมื่อคดีที่โอนมาจากศาลทหารมีหลักฐานไม่สมบูรณ์หรือไม่สามารถพิสูจน์ได้ในเชิงประจักษ์ และศาลได้วินิจฉัยเนื้อหา ซึ่งเป็นองค์ประกอบความผิดแล้วตนก็ไม่อยากให้อัยการอุทธรณ์คดีอีก

สำหรับ น.ส.ณัฏฐิกา หรือนัท นั้นศาลสั่งจำหน่ายคดีไว้ชั่วคราวตั้งแต่ปี 2559 เนื่องจากเชื่อว่าหลบหนี ซึ่งถ้าหาก น.ส.ณัฎฐิกา หรือนัท ได้สถานะผู้ลี้ภัยตามกฎหมายระหว่างประเทศ ก็ถือว่ายังอยู่ในต่างประเทศได้ และอาจจะไม่เดินทางกลับมาประเทศไทยก็ได้ หรือจะกลับมาหลังคดีขาดอายุความก็เป็นสิทธิ ซึ่งก็มีหลายคดีที่รัฐปล่อยให้ขาดอายุความก็เห็นมาแล้ว แต่คดีนี้ก็ไม่ได้มีโทษหนักอะไร.