วันนี้ (7 พ.ย.) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการรถโรงเรียนรุ่นใหม่เด็กปลอดภัย (Smart School Bus) 1 ใน 8 โครงการสำคัญของ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า ที่ดำเนินการภายใต้แนวคิด Digital Infinity-ดิจิทัลไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (กองทุนดีอี)
นายชัยวุฒิ เปิดเผยว่า ข้อมูลจากกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ชี้ให้เห็นว่า ระหว่างปี 2557-2565 มีเหตุการณ์เด็กอายุตั้งแต่ 2-6 ขวบ ถูกลืมและทิ้งให้อยู่ในรถโรงเรียนตามลำพังมากถึง 130 เหตุการณ์ และเสียชีวิตถึง 7 ราย ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ด้วยเหตุนี้ กระทรวงดีอีเอส โดย ดีป้า จึงเร่งดำเนินโครงการรถโรงเรียนรุ่นใหม่เด็กปลอดภัย (Smart School Bus) ด้วยการนำเทคโนโลยี และนวัตกรรมดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยให้กับรถรับ-ส่งนักเรียน อีกทั้งเป็นการคลายความกังวลให้กับผู้ปกครองด้วย
“โครงการรถโรงเรียนรุ่นใหม่เด็กปลอดภัย มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้เกิดการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลด้านความปลอดภัยเชิงป้องกันให้กับการเดินทางโดยรถรับ-ส่งนักเรียนระดับชั้นอนุบาลไปจนถึงมัธยมศึกษาตอนต้น นำร่องใน 7 พื้นที่เมืองอัจฉริยะที่มีความพร้อม ประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ ขอนแก่น ภูเก็ต ชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา ตลอดจนพื้นที่ใกล้เคียง ก่อนขยายผลไปยังพื้นที่อื่น นอกจากนี้ยังเป็นการสร้างระบบบริหารจัดการรถรับส่งนักเรียนอัจฉริยะต้นแบบ (Smart School Bus Showcase) ที่เหมาะสมกับบริบทของโรงเรียน ผู้ปกครอง และความมั่นคงปลอดภัยในพื้นที่เมืองอัจฉริยะที่มีความพร้อม พัฒนาระบบและข้อมูลการเชื่อมต่อการรับส่งนักเรียนแบบบูรณาการ โดยส่งเสริมให้เกิด Smart School Bus Big Data Platform และ Smart School Bus Intelligent Operation Center ในแต่ละพื้นที่ ซึ่งคาดว่าจะช่วยลดความเสี่ยง สร้างความปลอดภัย และเป็นมาตรฐานใหม่ให้กับทุกโรงเรียนทั่วประเทศในอนาคต”
ด้าน นายณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ ดีป้า กล่าวว่า จุดเด่นของโครงการรถโรงเรียนรุ่นใหม่เด็กปลอดภัย อยู่ที่การติดตั้งระบบ GPS เพื่อติดตามรถและเด็กนักเรียน พร้อมด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่จะประมวลผล และรายงานผลการขับขี่ ข้อมูลรถ ความเร็ว รวมถึง สถานะของเด็กนักเรียน ก่อนส่งไปยังแอพพลิเคชันสำหรับผู้ปกครอง และเว็บบราวเซอร์สำหรับโรงเรียน ซึ่งสามารถเข้าถึงข้อมูลได้โดยง่าย อีกทั้งเป็นการช่วยแก้ไขปัญหา และป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดคิด รวมถึงอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที
“อุปกรณ์ติดตามตำแหน่งจะช่วยให้โรงเรียนเป็นศูนย์กลางสามารถจัดการข้อมูลการใช้งานทั้งหมด ซึ่งผู้ปกครองอุ่นใจได้ว่า นักเรียนจะได้รับความปลอดภัยตลอดการเดินทาง คนขับรถรับส่งนักเรียนสามารถตรวจสอบนักเรียนขึ้นรถ และรายงานสถานะผ่านแอพพลิเคชั่นในโทรศัพท์มือถือ ซึ่งผู้ปกครองจะได้รับ การแจ้งเตือนเมื่อรถใกล้มารับนักเรียนที่บ้าน นักเรียนลงรถที่โรงเรียน และนักเรียนถึงบ้าน ระบบป้องกันการลืมเด็กในรถโรงเรียน ตรวจจับความเคลื่อนไหวภายในรถ อุปกรณ์ติดตามนักเรียนแจ้งผ่านอุปกรณ์ติดรถ การกดแจ้งเหตุฉุกเฉิน และโรงเรียนสามารถโทรฯเข้าไปที่รถ ซึ่งระบบจะรับสายอัตโนมัติ” ผู้อำนวยการใหญ่ ดีป้า กล่าว
ปัจจุบันมีโรงเรียนระดับชั้นประถมศึกษาและมัธยมศึกษาของรัฐรวมกว่า 300 โรงเรียน ได้รับการติดตั้งระบบ Smart School Bus แล้วกว่า 3,000 คัน ซึ่งประเมินว่าจะมีนักเรียนได้รับประโยชน์จากโครงการดังกล่าวไม่น้อยกว่า 30,000 คน ขณะเดียวกันมีโรงเรียนระดับชั้นประถมศึกษาและมัธยมศึกษาภาคเอกชน จำนวนไม่น้อยกว่า 50 โรงเรียน ได้รับการติดตั้งระบบ Smart School Bus แล้วกว่า 500 คัน ซึ่งคาดว่าจะมีนักเรียนได้รับประโยชน์ไม่น้อยกว่า 5,000 คน บุคลากรที่เกี่ยวข้อง อาทิ ครูผู้ดูแลโครงการ บุคลากรฝ่ายเทคโนโลยี สารสารสนเทศควบคุมระบบ ผู้ให้บริการรถรับ-ส่งนักเรียน ผู้ปกครอง ฯลฯ ได้รับประโยชน์มากกว่า 14,000 คน โดย ดีป้า จะเร่งขยายผลไปยังโรงเรียนในพื้นที่จังหวัดอื่น ๆ และตั้งเป้าครอบคลุมทุกโรงเรียนทั่วประเทศในระยะเวลาอันใกล้.