เมื่อวันที่ 7 พ.ย. ที่สำนักงานกฎหมาย​ทนายคลาย​ทุกข์​ น.ส.วรรณพิชา จารุจินดา หรือ ดรีม อายุ 23 ปี เข้าร้องเรียน นายเดชา กิตติวิทยานันท์ ให้ช่วยเหลือด้านคดีความกรณีซื้อรถกระบะมือสองจากเต็นท์แห่งหนึ่งย่านปากเกร็ด จ.นนทบุรี แต่ขับออกไปได้เพียง 100 เมตร ล้อรถเกิดหลุด กระเด็นเข้าไปในร้านสเต๊กที่อยู่ข้างทาง

น.ส.วรรณพิชา เปิดเผยว่า ตนและสามีได้ซื้อรถมือสองจากเต็นท์รถแห่งหนึ่งย่านปากเกร็ด โดยนัดดูรถและรับรถอีซุซุ 2 ประตู สีเทา ทะเบียน ผอ 3914 ขอนแก่น ในราคา 409,000 บาท และทำสัญญาผ่อนชำระกับไฟแนนซ์ในราคา 9,906 บาทต่อเดือน เป็นเวลา 60 งวด หลังจากทำสัญญาซื้อขายได้ทำการสำรวจรถ แต่เมื่อเดินเปิดประตูรถเพื่อจะขับรถกลับบ้าน ปรากฏว่าคอนโซลขอบประตูฝั่งคนขับหลุดร่วงลงมา ทางร้านก็จัดการซ่อมให้ทันที หลังจากซ่อมเสร็จจึงขับรถออกมาจากเต็นท์ และเมื่อขับออกมาได้ประมาณ 100 เมตร ได้ยินเสียงคล้ายมีอุปกรณ์บางอย่างภายในรถหัก จากนั้นมองเห็นล้อรถด้านหน้าซ้ายของตนเองวิ่งนำหน้ารถก่อนพุ่งชนร้านสเต๊กริมทางพังเสียหาย ตัวรถได้ครูดไปกับพื้นถนนจนเกิดประกายไฟ สร้างความหวาดเสียวให้กับผู้ใช้รถใช้ถนน และลูกค้าร้านสเต๊ก

ทั้งนี้ แฟนหนุ่มตนซึ่งเป็นเจ้าของรถ พยายามควบคุมสติให้รถหยุดนิ่ง เมื่อรถหยุดจึงลงมาตรวจสอบ ก่อนโทรศัพท์แจ้งเซลของเต็นท์ให้รับทราบ ทางเต็นท์ได้ส่งเจ้าหน้าที่มาเจรจากับร้านสเต๊กพร้อมรับปากว่าจะชดใช้ค่าเสียหายให้กับทางร้าน โดยในระหว่างที่เกิดเหตุมีหนึ่งในลูกค้าร้านสเต๊กเป็นเซลขายรถมือหนึ่งของรถยี่ห้อดัง ได้แนะนำว่ารถสภาพไม่พร้อม ไม่แนะนำให้ใช้งานต้องยกเลิกสัญญาทันที แต่เนื่องจากตนไม่มีความรู้เรื่องกฎหมายข้อนี้ และเป็นรถคันแรกจึงขอร้องให้เซลคนดังกล่าวไปเป็นเพื่อน ซึ่งเซลก็ยอมไปเป็นเพื่อนเพื่อเจรจาขอกับเต็นท์ แต่ทางเต็นท์ปฏิเสธที่จะคุยกับเซลคนดังกล่าว โดยยืนยันว่าจะคุยกับลูกค้าของเต็นท์เท่านั้น และทางเต็นท์แจ้งสาเหตุที่ล้อหลุดเพราะเป็นความผิดพลาดของทางช่าง เนื่องจากช่างใส่ล้อผิดคัน จากนั้นตนจึงเจรจาขอยกเลิกสัญญาและขอคืนรถ เพราะไม่กล้าใช้รถแล้ว แต่ทางเต็นท์กลับปฏิเสธโดยระบุว่า สัญญาได้เกิดขึ้นแล้วไม่สามารถยกเลิกได้ แต่เนื่องจากรถคันดังกล่าวมีความเสี่ยงสูง แม้ทางร้านจะไม่สามารถเปลี่ยนรถให้ได้ แต่สามารถเปลี่ยนประกันจากชั้น 2 เป็นชั้น 1 ให้ได้ทันที จนตนจำใจต้องพารถกลับบ้านที่ชลบุรี

จนกระทั่ง 1 เดือนต่อมา ทางร้านสต๊กได้โทรฯมาต่อว่าตนกับสามีว่าทำร้านเสียหายแต่ไม่ยอมชดใช้ค่าเสียหาย และหากไม่มาดำเนินการก็จะแจ้งความจับสามีของตนในฐานะคนขับและเจ้าของรถ ตนจึงโทรศัพท์มาที่เต็นท์ว่าเหตุใดเต็นท์ยังไม่จ่ายเงินค่าเสียหายให้ร้านสเต๊กตามที่พูดไว้ แต่กลับได้รับคำตอบจากเต็นท์ว่า รถมีประกันชั้น 1 แล้วก็ให้ประกันรับผิดชอบ ทำไมต้องให้เต็นท์จ่ายให้อีก และด้วยความกังวลว่าแฟนหนุ่มจะต้องตกเป็นผู้ต้องหา จึงได้ไปลงบันทึกประจำวันเอาไว้ สภ.ปากเกร็ด นนทบุรี ก่อนเข้าขอความช่วยเหลือทางกฎหมายกับทนายเดชา ที่สำนักทนายคลายทุกข์

ต่อมา น.ส.วรรณพิชา ได้นำรถไปตรวจสภาพที่ศูนย์บริการอีซูซุ ซึ่งทางศูนย์แจ้งว่า รถคันดังกล่าวมีสภาพเสียหายทั้งคัน เช่น แชสซีคด และมีอย่างอื่นอีกหลายรายการที่เสียหาย โดยคาดว่ารถคันดังกล่าวเคยประสบมาอย่างหนัก ประกอบกับตัวรถทั้งคันเป็นสนิม ทำให้น้ำเข้ารถเวลาฝนตก เชื่อว่าอาจจะเคยจมน้ำมาก่อน ส่วนสาเหตุที่ล้อหลุดเนื่องจากไม่มีการขันนอตยึดล้อไว้ทั้ง 4 ล้อ

ด้าน นายเดชา กล่าวว่า กรณีดังกล่าวอาจมีความผิดฐานขายของโดยหลอกลวง คุณภาพของอันเป็นเท็จ มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 271 ซึ่งกรณีนี้ผู้เสียหายสามารนำรถไปคืนเต็นท์พร้อมขอเงินคืน รวมถึงเรียกค่าเสียหายและยกเลิกสัญญาซื้อขายได้ และหากพบว่ารถมีความชำรุดบกพร่อง เสื่อมคุณภาพ ไม่เป็นไปตามความประสงค์ของผู้ซื้อ ถือว่าผิดสัญญาเช่าซื้อ ซึ่งทางไฟแนนซ์ต้องรับผิดชอบในฐานะผู้ได้รับประโยชน์จากดอกเบี้ยตามสัญญาเช่าซื้อ จะอ้างว่าเป็นความผิดของเต็นท์ไม่ได้ ดังนั้นกรณีนี้จะต้องร่วมกันรับผิดชอบทั้งสองฝ่ายคือ เต็นท์รถ และไฟแนนซ์ เพราะกรณีลักษณะนี้ศาลฎีกาเคยตัดสินมาแล้ว โดยตนได้ทำหนังสือมอบอำนาจให้ผู้เสียหายไปแจ้งความ พร้อมทั้งประสานไปที่ผู้กำกับ สภ.ปากเกร็ด แล้ว

อีกทั้งกรณีนี้ สคบ.มีหน้าที่เข้าไปควบคุมดูแล ตรวจสอบเกี่ยวกับการขายรถมือสอง ให้การขายรถมือสองเป็นไปตามกฎหมาย และฝ่ายปกครองจังหวัดนนทบุรี จะต้องเข้าไปตรวจสอบเกี่ยวกับใบอนุญาตค้าของเก่า ที่สำคัญยังถามกลับไปยังกรมการขนส่งทางบกว่า ให้ผ่านการตรวจสภาพรถมาได้อย่างไร และยังตั้งข้อสังเกตว่า รถรุ่นปี 2010 แต่ปรากฏว่า เล่มรถจดทะเบียนรถปี 2563 เป็นทะเบียนใหม่ไม่เกิน 2 ปี ซึ่งไม่สอดคล้องอายุของรถ จึงสงสัยว่ามีการปกปิดประวัติหรือไม่.