ก๊อก ก๊อก ก๊อก..มาแล้วจ้า มาแล้ว พวกเรา “ชาวบ้าน 1/4” มาแล้ว มาพร้อมกับคอลัมน์สุดปังอย่าง “คันปากอยากเมาท์” ที่จะชวนทุกคนมาเมาท์มอยวงการบันเทิง และข่าวเด็น ประเด็นร้อน มาถึงสัปดาห์นี้ก็มีหลากหลายประเด็นคันปากที่อยากจะหยิบยกขึ้นมาเมาท์กันเลยค่า แต่เอาเป็นว่าขอหยิบดราม่าของนางเอกสาวคนดัง “ใหม่ ดาวิกา” มาเมาท์กันดีกว่า ซึ่งเรื่องราวความปวดหัวครั้งนี้เกิดขึ้นจากสาวใหม่เรียกนักแสดงรุ่นน้อง “พีพี กฤษฏ์” ว่า “ลูกสาว หรือ น้องสาว” ซึ่งทำให้ชาวเน็ตบางราย (ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นแฟนคลับพีพี) ได้โพสต์ข้อความตำหนิเธอเนื่องจากรำคาญใจที่เธอเรียกพีพีแบบนี้ โดยมีการเขียนข้อความในทำนองว่า ค่อนข้างจะน่ารำคาญนะ ตอน “ใหม่ ดาวิกา” เรียกน้องสาวก็ทีนึงละ คือทำไมเรียกลูกชายน้องชายไม่ได้ อยากทราบเหตุผลค่ะในเมื่อน้องก็คือผู้ชาย, ตอน ใหม่ ดาวิกา ก็เรียก ลูกสาวนะ หงุดหงิด โอ้ะ รมเสีย!!! เป็นต้น

งานนี้หลังจากมีการจุดประเด็นดราม่านี้ขึ้นมา ทางฝั่งแฟนคลับของใหม่และพีพีก็ได้เข้าไปแสดงความคิดเห็น โดยเสียงส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับดราม่าที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งทำเอาหลายคนพากันงงงันในคนที่ต่อว่าสาวใหม่มากมาย บ้างก็มีการเถียงแทนว่า เขาเรียกเพราะเอ็นดู บ้างก็บอกว่า สาวใหม่ได้ไม่ได้คิดอะไรเลย จะดราม่าทำไม บ้างก็บอกว่างงคนคิด ตรรกะอะไร ทำไมต้องว่าใหม่ บ้างก็บอกว่า ใหม่และน้องรักกันอย่าทำดราม่าให้แตกได้ไหม บ้างก็บอกว่า สงสารใหม่ทำไมแบบนี้ บ้างก็บอกว่า พอเถอะดราม่าและปั่นกัน จบๆ เป็นต้น

ซึ่งหลังจากนั้นไม่นาน สาวใหม่ ก็ได้ออกมาเปิดใจถึงดราม่าว่า การเรียกน้องสาวมันผ่านมาเกือบเดือนแล้ว แต่เพิ่งจะมีประเด็นกัน เบื้องต้นได้คุยกับพีพีแล้ว น้องน่ารักส่งข้อความมาบอกว่าหนูไม่มีอะไรเลย และเธอยังยอมรับว่าดราม่าครั้งนี้กระทบจิตใจนิดหนึ่ง พร้อมทั้งมองว่ามันเป็นความคิดของคนอื่น ซึ่งก็ต้องเคารพเขาเหมือนกัน เธอไปพูดให้เปลี่ยนความคิดไม่ได้ สิ่งที่ทำได้คือดูแลความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับน้อง แต่พอเคลียร์แล้วก็แฮปปี้ ก่อนจะยืนยันมีแต่ความหวังดีให้กับน้อง ไม่มีเจตนาทำร้าย

แต่เอาจริงๆ ถ้าพูดถึงบริบทสังคมในปัจจุบันเรื่อง “ความหลากหลายทางเพศ” ถูกเปิดกว้างขึ้นมากกว่าเมื่อก่อนมากๆ การที่ใครสักคนจะเรียก หรือกำหนด “อัตลักษณ์ทางเพศ” (การรับรู้ว่าตนเองเป็นเพศอะไรและต้องการเรียกว่าอย่างไร อาจเป็นหญิง ชาย หรืออย่างอื่น โดยเราอาจมีอัตลักษณ์ทางเพศที่ตรงหรือไม่ตรงกับเพศกำเนิดก็เป็นได้) หรือ “เพศวิถี” (รสนิยมทางเพศว่าสนใจเพศเดียวกัน สนใจเพศตรงข้าม สนใจทุกเพศ หรือไม่ฝักใฝ่เพศใดเลย) หรือแม้กระทั้งตัดสินจาก “การแสดงออกทางถึงอัตลักษณ์ทางเพศ” ว่าคนคนนั้นเป็นเพศไหนก็คงไม่ได้แล้ว เพราะอัตลักษณ์ทางเพศนั้นเป็น “เรื่องส่วนบุคคลที่แต่ละคนเป็นผู้กำหนดเองไม่ใช่สังคมเป็นผู้กำหนด” อัตลักษณ์ทางเพศจึงสามารถลื่นไหลไปตามความหลากหลายของผู้คน แต่สิ่งที่เราสามารถสามารถทำได้ และควรจะทำมากที่สุดนั้นก็คือ “เคารพ และให้เกียรติทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน”

เอาเป็นว่าในประเด็นนี้ก็คงไม่มีใครถูกใครผิดหรอกนะ ก็อยู่ ที่ความคิดของใครของมัน หากมองเป็นเรื่องราวดีๆ ไม่ได้มีอคติ หรือทำให้ใครลำบากใจก็ย่อมคิดได้ แต่หากแสดงออกมาแล้วทำให้อีกฝ่ายลำบากใจ ไม่สบายใจ ก็คงต้องคิดทบทวนดีๆ ว่ามันสมควรหรือไม่ ก็อย่างว่าล่ะแล้วแต่ใครสะดวกเลย สะดวกแบบไหนก็ทำแบบนั้นจะดีที่สุด แต่ก็อย่าลืมสิ่งสำคัญเราก็ไม่รู้หรอกว่าหลังเวที หลังบ้านเหล่าดาราเขาจะสนิทกันขนาดไหน หรือซี้ปึ้กขนาดตบหัวกันเล่นหรือเปล่า ซึ่งสิ่งที่เราทำได้ และควรจะทำก็คือคอยเป็นกำลังใจ และซัพพอร์ตพวกเขา “อย่าไปคิดมากแทนพวกเขากันเลยจ้า”..

ภาพประกอบ : davikah, pp.kritt

———————————————
คอลัมน์ “คันปากอยากเมาท์”
โดย “เมี้ยนฤดี”