เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 15 พ.ย. ที่ สำนักงาน ป.ป.ส. (ดินแดง) เนื่องในวันครบรอบ 46 ปี ของสำนักงาน ป.ป.ส. โดย นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. ได้ประกาศยกระดับมาตราการสกัดกั้นทางขนส่งพัสดุภัณฑ์ หลังจากปฏิบัติการ AITF สามารถจับปลอกหมอนซึ่งชุบยาเสพติดประเภท 1 หรือ ไอซ์ กว่า 14 กก. เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตรวจพบความผิดปกติจากน้ำหนักและความเเข็งที่ต่างจากหมอนทั่วไป ว่า ขณะนี้มีมติระงับหรือชะลอการนำเข้า-ส่งออก สารโซเดียมไซยาไนด์ สารเบนซิลคลอไรด์ และเบนซิลไซยาไนด์ เนื่องจากสารเบนซิลไซยาไนด์ เป็นสารตั้งต้นนำไปผลิตยาเสพติด และอีกเรื่องที่จะต้องเร่งดำเนินการคือการลักลอบขนยาเสพติด ปัจจุบันนี้ ขนส่งมีความสะดวก อย่างเรื่องการขนส่งทางพัสดุภัณฑ์ เดิมทีมีการจ้างคนขนส่ง ยาบ้า 10,000 เม็ด เท่ากับ 1 กิโลกรัม สามารถจ้างขนส่งได้ 20,000 – 30,000 บาท แต่ปัจจุบันทางผู้ค้าได้เปลี่ยนมาเป็นวิธีขนส่งทางพัสดุภัณฑ์ ซึ่งมีราคาค่าขนส่งที่ถูกและปลอดภัยสูง ซี่งขนส่งคิดกิโลกรัมไม่ถึง 100 บาท ทำให้ยาบ้า 1 กิโลกรัม จากเดิมได้ค่าขนส่งหลายหมื่นบาท ก็จะเหลือกิโลกรัมละไม่ถึง 10,000 บาท อย่างไรก็ตาม จากที่เคยถูกจับได้ พบว่ามีการขนส่งยาบ้า 360,000 เม็ด ผ่านบริษัทขนส่งเอกชนแห่งหนึ่ง เสียค่าส่งเพียง 660 บาท เท่านั้น

นายวิชัย กล่าวอีกว่า ตอนนี้มีระเบียบสถานประกอบกห้ามส่งพัสดุภัณฑ์ด้วยการให้คนอื่นส่งแทน ดังนั้น คนที่จะส่งพัสดุจะต้องแสดงตัวตนด้วยบัตรประจำตัวประชาชนหรือบัตรที่ราชการออกให้ หากผู้รับส่งไม่มีหลักฐานว่าผู้ส่งเป็นใคร หรือในกรณีคนส่งไม่ตรงตามบัตรแสดงตน จะมีโทษปรับ รวมถึงเวลาส่งของจะต้องมีคนมารับ มีหลักฐานที่ออกโดยราชการ สรุปคือ ทั้งการส่งพัสดุและรับพัสดุจะต้องมีตัวตนและคนที่มารับจะต้องแสดงบัตรของตัวเอง

“ในวันที่ 23 พ.ย.นี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะเปิดประชุมปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติดและจะออกกฎระเบียบในเรื่องดังกล่าวให้เข้มงวดขึ้น โดยหลังจากนี้จะเรียกผู้ประกอบการขนส่งเอกชนทุกบริษัทมารับทราบแนวทางการปฏิบัติการรับ-ส่งพัสดุภัณฑ์ โดยจะให้ผู้ส่งและผู้รับแสดงตัวด้วยบัตรประชาชนก่อนที่จะรับส่งสินค้า รวมถึงบริษัทที่รับส่งจะต้องติดกล้องวงจรปิดขณะที่ลูกค้าเข้ามาส่งสินค้า รวมถึงจะต้องเก็บข้อมูลการส่งเป็นระยะเวลา 120 วัน” นายวิชัย กล่าว

นายวิชัย กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมายังพบว่ามีกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดแฝงตัวเข้ามาเป็นพนักงานบริษัทขนส่งและรับยาเสพติดไปส่งปลายทาง ทำให้การออกมาตรการในครั้งนี้ จะให้บริษัทต่างๆเข้มงวดและตรวจสอบประวัติพนักงาน ห้ามข้องเกี่ยวกับยาเสพติดโดยเด็ดขาด หากผู้ประกอบการฝ่าฝืนและปล่อยปละให้มีการขนส่งยาเสพติดผ่านบริษัทของตนเองจะมีโทษปรับ 50,000 บาทต่อครั้ง และหากยังกระทำผิดซ้ำก็จะพิจารณาโทษทางอาญา หรือเพิกถอนใบอนุญาตต่อไป

นายวิชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมาพบการลักลอบขนส่งยาเสพติดผ่านพัสดุโดยการซุกซ่อนไว้ในเครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องสำอาง และสินค้าประเภทอื่นๆ อีกหลายชนิด หากผู้ประกอบการได้รับแจ้งจากลูกค้าว่าได้ส่งสินค้าชนิดใด แล้วพนักงานสงสัยจะต้องนำสินค้านั้นไปเปรียบเทียบน้ำหนักจากความเป็นจริง หากต้องสงสัยจะต้องตรวจสอบทันทีว่าเป็นสิ่งของผิดกฎหมายหรือใม่

สำหรับกรณีที่ยาบ้ามีราคาถูกลง นายวิชัย ระบุว่า เป็นผลมาจากราคาต้นทุนจากโรงงานผลิตยาบ้า อยู่ที่เม็ดละ 50 สตางค์ ทำให้ราคาขายเหลือเม็ดละไม่ถึง 10 บาท แต่ก็เห็นว่าราคายาเสพติดที่ถูกลง จะทำให้ผู้ขายลดน้อยลงไปด้วยเนื่องจากมีความเสี่ยงสูง หากถูกจับกุมจะไม่คุ้มกับกำไรที่ได้

ส่วนกรณีที่มีข่าวรายวันเกี่ยวกับคนคลุ้มคลั่งจากการเสพยาบ้านั้น นายวิชัย ชี้แจงว่า ได้จำแนกกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด มี 3 ส่วน ส่วนแรก คือ ผู้ใช้ทั่วไป (เสพเป็นครั้งคราว) คิดเป็น ร้อยละ 10 ส่วนที่ 2 ผู้เสพ ร้อยละ 60 และ ผู้ติด ร้อยละ 30 และในจำนวนนี้ มีเพียงร้อยละ 5 ที่มีอาการทางจิตเวชที่ต้องเฝ้าระวังในการไปทำร้ายผู้อื่น

นายวิชัย ยังกล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า เมื่อวันที่ 4 พ.ย. ที่ผ่านมา กรมโรงงานอุตสาหกรรมมีคำสั่งไม่อนุญาตให้นำเข้าและส่งออกสารเคมีโซเดียมไซยาไนด์และเบนซิลคลอไรด์ที่เป็นสารตั้งต้นของการผลิตยาเสพติด เนื่องจากก่อนหน้านี้พบว่ามีการนำเข้าและส่งออกไปประเทศเพื่อนบ้านผ่านประเทศไทย โดยไม่ตรวจสอบบริษัทปลายทางว่ารับสารเคมีดังกล่าวไปประกอบกิจการผิดประเภทหรือไม่

ทั้งนี้ บรรยากาศภายในงานเป็นไปอย่างชื่นมื่น หลายหน่วยงานเข้าร่วมแสดงความยินดี อาทิ กองทัพบก กองบัญชาการกองทัพไทย กระทรวงแรงงาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมประชาสัมพันธ์ กรมบังคับคดี กรมคุมประพฤติกรมสอบสวนคดีพิเศษ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กรมบัญชีกลาง สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ สถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี เป็นต้น.