ภายหลังเพจเฟซบุ๊ก “ประชาสัมพันธ์ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช” ได้โพสต์ภาพวิเคราะห์สภาพซากเสือโคร่ง พร้อมข้อความระบุว่า “พบเสือโคร่งตายในพื้นที่ อช.แม่วงก์ ตรวจสอบจากฐานข้อมูลตรงกับ “เสือวิจิตร” เสือหนุ่มจากห้วยขาแข้ง คาดสาเหตุเกิดจากการต่อสู้แย่งชิงอาณาเขต 14 มกราคม 2566 ทั้งนี้ สภาพที่พบนอนนิ่งอยู่บริเวณริมลำห้วยในพื้นที่อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ มีบาดแผลเต็มตัว”

ตายเยี่ยงเสือ! สิ้น ‘วิจิตร’ เสือโคร่งหนุ่มจากห้วยขาแข้ง รอยแผลเต็มตัว

สำหรับ “เสือวิจิตร” ที่เสียชีวิตลงในห้วงชีวิตวัยหนุ่ม หลายคนมีการตั้งคำถามว่า ทำไมถึงเรียกว่า “เสือวิจิตร” มีที่มาที่ไปอย่างไร

“วิจิตร” เป็นเสือที่ถูกเรียกรหัสการค้นพบว่า HKT271 หลังจากนักวิจัยเจอตัวปี 2562 โดยตั้งชื่อว่า “วิจิตร” ซึ่งเป็นหนึ่งในชื่อของทีมวิจัยเสือ Thailand Tiger Project DNP กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ที่พบครอบครัวเสือดังกล่าว และเฝ้าดูพฤติกรรมจนถึงปัจจุบัน

“วิจิตร” เกิดมาในช่วงเวลาที่เป็นขาลงของแม่เอื้องและพ่อธนากร ด้วยเพราะอายุอานามที่มากขึ้น ในคอกเดียวกัน ก็มีวิจิตรตัวเดียวที่เป็นตัวผู้ ส่วนอีกสองสาว คือ อภิญญาและผกา ซึ่งวิจิตรนี่เป็นหลานยายบุบผา ด้วยนะ

“วิจิตร” เติบโตมาภายใต้การหาเลี้ยงของแม่เอื้อง จนวันหนึ่งก็ตกเป็นข่าวหน้าหนึ่งซะงั้น เพราะพาดหัวว่า “ชาวบ้านเจอเสือขณะเข้าเก็บหาของป่าที่ห้วยขาแข้ง” ไม่ใช่อะไรหรอก แม่เอื้องล่าวัวแดงได้ตัวเบ้อเริ่ม เป็นเหตุให้ชาวบ้านมองเห็นได้แต่ไกล ช่วงเวลานั้นเดาว่า วิจิตรคงมีอายุราว ห้าหกเดือน

ต่อมาวิจิตรและน้องพี่ เติบโตในป่าใหญ่เรื่อยๆ จนวันหนึ่งเมื่ออายุเกือบสองปี ฮอร์โมนในกายพลุ่งพล่านนึกอยากผจญภัย จึงชวนกันไปเที่ยวเล่นที่ชุมชน ที่อยู่ติดกับบ้านของแม่ ก็ได้สนุกกันพักหนึ่งทั้งเสือและเจ้าหน้าที่ติดตาม แต่อะไรก็ไม่เด็ดเท่าไม้เรียวในมือแม่เอื้องสั่นหนักมาก ต้องลงแรงออกไปตาม วิจิตรกับเจ๊อภิญญา ด้วยตนเอง เรื่องจึงสงบลง….

เมื่ออายุล่วงเลยสองขวบปี อภิญญาและผกา ก็ได้ยึดพื้นที่เพื่อครอบครองหากินในบริเวณข้างเคียงบ้านแม่เดิม โดยวิจิตรก็ใช้สิทธิความเป็นพี่น้องร่วมคอก แอบอาศัยหากินตามแนวขอบบ้านของอภิญญา ซึ่งเป็นบริเวณที่ปราศจากความสงบ เพราะระงมไปด้วย เสียงเครื่องจักรทำงาน งานบุญ จุดบอลไล่สัตว์ป่าที่ออกมากินพืชไร่ แต่ วิจิตร ยังอยู่ได้สบาย

ในช่วงเวลาที่เป็นเล่นบทเสือแอบ เพราะอิงแอบหากินอยู่ในพื้นที่อภิญญา ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่แตกต่างจากเพศผู้วัยรุ่นตัวอื่นๆ ที่มักรักการเดินทางไกลๆ สำหรับวิจิตรนั้นก็มีการเดินทางออกนอกพื้นที่บ้างเป็นครั้งคราว ทริปสั้นๆ แต่ก็ทำทีมงานใจสั่นได้ เพราะลัดเลาะไปพื้นที่ที่เป็นหย่อมป่าที่ติดชุมชน ข้ามทางหลวงชนบทเป็นว่าเล่น…

แต่แล้วเมื่อมีโอกาสได้ดินเนอร์พูดจาประสาพ่อลูกกับธนากรในค่ำคืนหนึ่ง ชีวิตวิจิตรก็นิ่งขึ้นนัยว่าได้รับคำชี้แนะจากพ่อ จึงใช้ชีวิตส่วนใหญ่ตามแนวขอบติดชุมชน เพื่อเลี่ยงการเจอะเจอน้องเขย ที่อาจไม่พึงใจนักที่มันมาอิงแอบแบบนี้

วันเวลาผ่านไปจนวิจิตรมีโครงสร้างร่างกายที่ใหญ่โตขึ้น กล้ามเนื้อเป็นรูปที่ชัดเจนขึ้น รวมถึงความมั่นใจที่มาเต็มด้วยหรือปล่าว ก็ไม่แน่ใจ จนเมื่อกลางเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ท่าทีของวิจิตรเริ่มเปลี่ยนไป มันเริ่มออกเดินจากห้วยขาแข้ง มุ่งหน้าขึ้นเหนือไปเรื่อยๆ ทีมนักวิจัยก็จ้องเขม็งผ่านระบบดาวเทียม มันไปด้วยความมุ่งมั่น ไม่มีการลังเล จนข้ามเขตไปอยู่ฝั่งอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ แล้วดูเหมือนว่าน่าจะได้กินอะไรบางอย่าง (ไม่น่าใช่หน่อไม้) เพราะมีการหยุดพักอยู่พอสมควร เมื่อมีพลังงานสะสม มันก็ออกเดินทางต่อ ในที่สุดทะลุไปประชิดชุมชน จนเป็นเรื่องเป็นข่าวในขณะนี้

ล่าสุดเมื่อวันที่ 3 ธันวาคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ทีมลาดตระเวน ตรวจพบรอยเท้าเสือ “วิจิตร” บริเวณหมู่ที่ 2 บ้านคลองลึก เพื่อความปลอดภัยของชาวบ้านเจ้าหน้าที่จากฐานฯ 3 (ซับตามิ่ง) สายตรวจสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 12 ได้แจ้งให้ผู้ใหญ่บ้านประกาศให้ลูกบ้านทราบ พร้อมแนะนำการปฏิบัติตัวให้ถูกวิธี เพื่อเป็นการร่วมมือในการผลักดันให้เสือโคร่งวิจิตร กลับคืนป่า ทั้งนี้หากท่านใดพบหรือมีเบาะแสให้รีบแจ้งเจ้าหน้าทันที….

กระทั่ง “เสือวิจิตร” ได้จบชีวิตเยี่ยงเสือ เมื่อเกิดการต่อสู้แย่งอาณาเขต จนมีบาดแผลทั่วร่าง

ปิดตำนาน “เสือวิจิตร” เหลือไว้เพียงคำเล่าขานไม่รู้จบ..

ขอบคุณภาพจาก : เพจ ประชาสัมพันธ์ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และข้อมูลที่มา : Thailand Tiger Project DNP/สบอ.12 (นครสวรรค์)