จากกรณี ที่ผู้ประกอบการบนเกาะเสม็ด ออกมาแฉ เรื่องที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด เรียกเก็บเงินค่าดำเนินการ จำนวน 16,000 บาท จากรถยนต์เช่าทั้ง 60 คัน รวมถึงเรียกเก็บ รถ จยย.เช่า และ จยย.รับจ้าง จำนวน 1,600 บาท ต่อคัน โดยเรียกเก็บจากเจ้าของรีสอร์ท ที่ต้องการนำรถยนต์มาส่งนักท่องเที่ยวของรีสอร์ทเอง จำนวน 4 คัน คันละ 100,000 บาท แล้วยังมีการเรียกเก็บจากผู้ที่ต่อเติมก่อสร้าง ในพื้นที่เช่าจากกรมธนารักษ์ บนเกาะเสม็ด ร้อยละ 10 เปอร์เซ็นต์ จากงบประมาณการก่อสร้าง และเรียกเก็บเงินจากผู้ที่ใช้คราดและไม้กวาดหญ้าริมถนน จำนวน 2 แสนบาท แต่ไม่มีเงินจ่ายจึงถูกดำเนินคดี

ต่อมานายก้องเกียรติ เต็มตำนาน ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 2 นายสาธิต ปิ่นกุล ผอ.ส่วนอุทยานแห่งชาติ สำนักสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 2 และ นายชาณุ เดชธัญญนนท์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด ได้ร่วมกันแถลงข่าว โดยสรุปว่า เรื่องการเรียกรับเงิน ได้มีการตั้งกรรมการขึ้นตรวจสอบหาข้อเท็จจริง เข่นเดียวกับทางนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผวจ.ระยอง ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบเรื่องดังกล่าว โดยกำหนดเวลาการตรวจสอบภายใน 15 วัน ด้านประชาชนบนเกาะเสม็ด ต้องการมีส่วนร่วมตรวจสอบกับทางอุทยานฯ ด้วย เพราะเกรงว่าจะมีการเข้าข้างกัน ตามที่เสนอไปแล้ว

ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อวันที่ 26 ม.ค. ว่าที่ร้อยตรี พิรุณ เหมะรักษ์ รอง ผวจ.ระยอง ประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีเรียกรับผลประโยชน์ต่างๆ ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด พร้อมด้วยคณะกรรมการรวม 7 คน ประกอบด้วย หัวหน้าสำนักงาน จ.ระยอง ท้องถิ่น จ.ระยอง ผอ.สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.ระยอง นายอำเภอเมืองระยอง ปลัด อบจ.ระยอง และ ผอ.กลุ่มงานศูนย์ดำรงธรรม จ.ระยอง ได้เดินทางมายังห้องประชุม เทศบาลตำบลเพ อ.เมือง จ.ระยอง เพื่อตรวจสอบพยานหลักฐานจากผู้ประกอบการที่นำหลักฐานและข้อมูลเข้ามาให้ตรวจสอบ

‘อุทยานฯ’ แถลงโต้ผู้ประกอบการโดนเรียกเก็บส่วยบน ‘เกาะเสม็ด’ ไม่เป็นความจริง!

โดยมีผู้ประกอบการบนเกาะเสม็ด ประกอบด้วย อาชีพรถยนต์ให้เช่า ผู้ประกอบการีสอร์ท อาชีพหมอนวด หาบเร่ เดินทางเข้าให้ข้อมูล ในห้องประชุม ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง

ด้านนายนพดล นาคะ อายุ 32 ปี ผู้ประกอบการรถยนต์ให้เช่า ได้เปิดเผยว่า ตนเองขอยืนยันว่า ได้จ่ายเงินจำนวน 16,000 บาท จริง โดยผ่านการโอนเงิน ให้กับผู้ที่รวบรวมเงิน เพื่อนำไปให้กับอุทยานฯ เป็นเงินค่าดำเนินการ เพื่อให้รถยนต์เช่าสามารถวิ่งได้อย่างถูกต้อง ทั้งที่ผ่านมากว่า 10 ปี ไม่เคยเสีย จะเสียก็เพียงค่าธรรมเนียม ที่ยอมจ่ายก็เพื่อไม่ให้มีปัญหา ยืนยันว่าได้จ่ายเงินไปจริง ซึ่งความจริงแล้วทางผู้ประกอบการรถเช่าทุกคน ก็ต้องการความชัดเจนว่า ต้องเสียเงินอะไรบ้าง เสียจำนวนเท่าไหร่ อยากให้กำหนดให้ชัดเจน ไม่ใช่จ่ายแล้วก็ต้องจ่ายอีก ทั้งที่มีการเสียภาษีรถยนต์รับจ้างหรือป้ายเหลืองให้กับขนส่งประจำปี จึงต้องการความชัดเจน

ขณะที่นางบรรทม เจริญผล เจ้าของรีสอร์ทบนเกาะเสม็ด ได้เปิดเผยว่า เกี่ยวกับเรื่องการเรียกเก็บผลประโยชน์บนเกาะเสม็ด หลักฐานที่หลุดออกมา ก็คือหลักฐานที่ปรากฏชัดเจนในไลน์กลุ่มต่างๆ บนเกาะเสม็ด หลักฐานก็ชัดเจนอยู่แล้ว วันนี้ทางผู้ประกอบที่เข้ามาก็มาเพื่อยืนยันตามหลักฐานและความจริงที่ต้องเสียเงินไป ซึ่งทุกคนก็เชื่อมั่นในคณะกรรมการของจังหวัด โดยมีรองผู้ว่าฯ เป็นประธาน แต่จะให้โปร่งใส ก็ควรทำตามที่ นายดำรงค์ พิเดช อดีตอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช หน.พรรคโอกาสไทย พูดไว้ หากจะได้ข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับปัญหาเกาะเสม็ด ต้องย้ายผู้ที่เกี่ยวข้องออกไปจากอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด ก่อน ข้อมูลก็จะปรากฏอีกมาก เพราะทุกคนต่างกลัวถูกกลั่นแกล้ง จึงไม่กล้าออกมาเปิดเผยข้อมูล

ส่วนทางด้านนางสริญทิพย์ ทัพมงคลทรัพย์ นายกสมาคมท่องเที่ยวเกาะเสม็ด ได้กล่าวว่า สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้น วันนี้มีสาขาอาชีพที่เกี่ยวข้องนำหลักฐานและข้อมูลมา จึงต้องการให้มีการตรวจสอบให้ความจริงปรากฏ หากพบว่าผิดก็ต้องแก้ไข ถ้าไม่ใช่ก็ต้องชี้แจง ซึ่งเรื่องดังกล่าวไม่กระทบต่อการท่องเที่ยว แต่เป็นเรื่องของภาพลักษณ์ของภาครัฐ จึงต้องการให้เกิดความโปร่งใส จึงขอตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมา

ว่าที่ร้อยตรี พิรุณ เหมะรักษ์ รอง ผวจ.ระยอง ได้กล่าวว่า วันนี้มารับฟังข้อมูลหลักฐานจากผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับเรื่องรับผลประโยชน์บนเกาะเสม็ด ซึ่งมีคณะกรรมการอีก 6 คน ซึ่งมาจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมรับฟังข้อมูลและตรวจสอบ ก็ถือว่าได้ข้อมูลมาอีกด้านหนึ่ง ซึ่งก็เป็นประโยชน์ต่อการตรวจสอบ แต่ถึงอย่างไรก็จะต้องมีการสอบผู้เกี่ยวข้องเพิ่มอีก รวมถึงทางอุทยานฯ ที่จะส่งคำชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษรมาให้ ยืนยันว่าผลการตรวจสอบจะเสร็จทันภายใน 15 วัน การตรวจสอบของจังหวัด เป็นคนละส่วนกับทางอุทยานฯ เป็นคณะกรรมที่ทาง ผวจ.ระยอง ตั้งขึ้นมาตรวจสอบ เพราะถือเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของระยอง ขอให้ทุกฝ่ายมั่นใจกับการตรวจสอบ จะให้ความเป็นธรรมตามพยานหลักฐานที่ปรากฏ ต่อไปหากผู้ประกอบการหรือประชาชน นักท่องเที่ยว มีผลกระทบ ก็สามารถร้องเรียนมาได้ที่ศูนย์ดำรงธรรม จ.ระยอง