จากกรณีเพื่อนบ้านควงอีโต้บุกฟันสุนัขพิตบูล เจ้าเงาะ และเจ้าอ้วน ของเพื่อนบ้านที่ล่ามโซ่ไว้ ได้รับบาดเจ็บสาหัสเป็นแผลฉกรรจ์ที่หัวและใบหน้า โดยเฉพาะเจ้าอ้วน เพศเมียอายุ 2 ปีถูกฟันเข้าที่ปากจนลิ้นหวิดขาด  สัตวแพทย์ต้องให้การช่วยเหลือด้วยการเย็บแผลห้ามเลือดใช้เวลานานกว่า 4 ชั่วโมงจนพ้นขีดอันตราย หลังเกิดเหตุเจ้าของนำคลิปกล้องวงจรปิดขึ้นโรงพักแจ้งความเอาผิดผู้ก่อเหตุแล้วตามข่าวที่นำเสนอไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 12 มี.ค.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังสัตวแพทย์โรงพยาบาลรักษาสัตว์แห่งหนึ่ง ได้ทำการรักษาจนอาการพ้นขีดอันตรายแล้ว ให้เจ้าของนำสุนัขทั้ง2 กลับมาดูแลที่บ้าน แต่ปรากฏว่าเจ้าอ้วน ซึ่งได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก ต้องเย็บกว่า 100   เข็มรวมถึงที่ลิ้นยังมีเลือดออกเป็นระยะๆ และไม่สามารถกินน้ำ หรือกินข้าวได้ และมีอาการอ่อนเพลีย ต่อมา น.สพ. ยิ่งยศ  วิเชียรรัตน์ สัตวอแพทย์อาสา และ น.ส.ธารารัตน์ ทองรอด อาสาสมัครโครงการเครือข่ายคนรักน้องหมา(ในพระราชอุปถัมภ์)จ.สุราษฎร์ธานี  ได้เดินทางไปติดตาม อาการของหมาทั้ง 2 ตัว เพื่อให้คำแนะนำในการดูแลสัตว์บาดเจ็บ แต่พบว่าสถานที่ดูแลสัตว์ป่วยไม่มีสภาพที่เหมาะสม ประกอบกับสุนัขยังมีอาการอ่อนเพลียจากอาการบาดเจ็บจึงได้ตัดสินใจส่งตัวเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลสัตว์แห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นโรงพยาบาลในความร่วมมือของโครงการเพื่อความสะดวกในการดูแลรักษา

ส่วนด้านคดี ร.ต.ท.หญิง นิธิมา นนทิสิทธิ์ รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี เจ้าของคดี ได้เรียกตัว น.ส.โสภาพร รัตนารมย์ อายุ 28 ปี เจ้าของหมาที่ประสบเหตุ เข้าให้ปากคำเพิ่มเติม เพื่อออกหมายเรียกผู้ก่อเหตุ ซึ่งข้อเท็จจริงมีศักดิ์เป็นน้าของสามีผู้เสียหาย มาแจ้งข้อกล่าวหาในข้อหาทารุณกรรมสัตว์ นอกจากนั้นจะได้เรียกตัวน้องชายของสามี น.ส.โสภาพร มาสอบปากคำเพิ่มเติม เนื่องจากเป็นผู้ที่ได้รับข้อความจากผู้ก่อเหตุ ให้แจ้งเจ้าของหมาให้ย้ายหมาไปไว้ที่อื่น เนื่องจากขวางทางเดิน และมีข้อความข่มขู่ในลักษณะว่าหากรักหมามากกว่าคนจะได้เห็นดีกัน

อย่างไรก็ตาม มีรายงานข่าวว่า เมื่อช่วงเข้าที่ผ่านมาได้มี นายสุรสิทธิ์ (สงวนนามสกุล) ได้เข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี และแสดงตนว่าเป็นผู้ใช้อาวุธทำร้ายหมาทั้ง 2 ตัว และแจ้งความประสงค์ให้ดำเนินคดีกับเจ้าของหมาเนื่องจากถูกหมากัดได้รับบาดเจ็บ