นับตั้งแต่เมื่อวันที่ 14-15 มี.ค. ที่ผ่านมา คงไม่มีเหตุการณ์ไหนที่จะลุ้นระทึก พร้อมทำสังคมไทยหวาดระแวงไปมากกว่า เหตุการณ์ “สารวัตรกานต์” ตำรวจสันติบาล ที่เกิดอาการคลุ้มคลั่ง ใช้ปืนยิงในบ้านพักย่านสายไหม ตั้งแต่ช่วงสายของวันที่ 14 มี.ค. ที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้ผ่านไปกว่า 27 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวไว้ได้

แม้จากเหตุการณ์ดังกล่าวจะไม่มีผู้เสียชีวิตก็ตาม แต่หากย้อนกลับดูเหตุการณ์สะเทือนขวัญก่อนหน้านี้ ล้วนแล้วแต่มีที่มาจากผู้ก่อเหตุ ที่เป็นถึงผู้ที่ทำหน้าที่ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ดูแลประชาชน แต่กลับเคยเกิดเหตุ “กราดยิง” ถึง 4 ครั้งก่อนหน้า ภายในระยะเวลาเพียง 3 ปีเท่านั้น

จ่าคลั่งกราดยิงโคราช
ย้อนไปเมื่อวันที่ 8 ก.พ. 63 ชาวไทยก็ต้องช็อกไปตามๆ กัน หลัง จ.ส.อ.จักรพันธ์ ถมมา อายุ 32 ปี ทหารหน่วยกองพันสรรพาวุธกระสุนที่ 22 ค่ายสุรธรรมพิทักษ์ จ.นครราชสีมา ได้ใช้อาวุธสงครามไล่กราดยิงประชาชน จากวันที่ 8 ก.พ. จนต่อเนื่องเข้าสู่วันที่ 9 ก.พ. 63 มีทั้งตำรวจ ชาวบ้าน เด็กนักเรียน ผู้หญิง ที่ตกเป็นเหยื่อคมกระสุน ก่อนที่จะขับรถฮัมวี่หนีไปเข้าห้างเทอร์มินอล 21 โคราช จากนั้นก็ตัดสินใจยิงถังแก๊สวางเพลิงในห้างจนไฟลุกท่วมรุนแรง และกราดยิงผู้คนไปทั่ว ต่างแตกตื่นหนีตายอุตลุด ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 30 ราย และได้รับบาดเจ็บจำนวน 58 ราย
-ไทม์ไลน์เหตุการณ์สั่นประสาท จ่าคลั่งกราดยิงถล่มโคราช

สำหรับชนวนเหตุของการกราดยิง โดยข้อมูลการสอบสวนของตำรวจสันนิษฐานว่า เหตุรุนแรงครั้งนี้ มีที่มาจากข้อพิพาทเรื่องเงินและการซื้อขายบ้าน ที่ผู้ก่อเหตุซื้อจากนายหน้า และตกลงกันไม่ได้ จึงได้ก่อเหตุดังกล่าว รวมทั้งคำยืนยันจาก พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ในขณะนั้น) ที่ระบุว่า ทหารผู้ก่อเหตุ “ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากผู้บังคับบัญชาและเครือญาติ” จากการซื้อขายที่ดินและผิดสัญญากันในเรื่องผลตอบแทน

โดยขบวนการดังกล่าวคือ เจ้าของโครงการบ้านจัดสรรที่เป็นเครือญาติของนายทหาร นำโครงการมาเสนอขายให้ทหารชั้นผู้น้อยในราคาถูก พร้อมกับจัดหาเจ้าหน้าที่ที่ดูแลด้านการอนุมัติเงินกู้ของกรมสวัสดิการทหารบก มาประเมินราคาบ้านให้สูงกว่าความเป็นจริง เพื่อขออนุมัติเงินกู้ในวงเงินที่สูง ๆ นอกจากนี้ ยังมีผู้บังคับบัญชาที่เซ็นหนังสือรับรองเพื่อให้การอนุมัติเงินกู้ง่ายขึ้น จนทำให้เกิดโศกนาฏกรรมครั้งนี้เกิดขึ้น

กราดยิงโรงพยาบาลสนาม
หลังจากผ่านมาไม่ถึงปี ก็ต้องเกิดโศกนาฏกรรมอีกครั้ง ในวันที่ 24 มิ.ย. 64 ที่เกิดเหตุคนร้ายแต่งชุดลายพรางคล้ายทหาร สวมหมวกเบเรต์สีแดง บุกยิงพนักงานร้านสะดวกซื้อเซเว่น อีเลฟเว่น ปากซอยลาดพร้าว 25 แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร​ จนพนักงานคนดังกล่าวเสียชีวิต จากนั้นคนร้ายได้ก่อเหตุยิงที่ รพ.สนาม ภายในสถาบันธัญญารักษ์ ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ส่งผลให้มีผู้ป่วยโควิด-19 เป็นชายอายุ 54 ปี เสียชีวิต 1 คน โดยภายหลังพบว่าผู้ก่อเหตุชื่อ นายกวิน อายุ 23 ปี ชาวจังหวัดปทุมธานี ไม่ใช่กำลังพลของกองทัพบก แต่เคยเป็นทหารเกณฑ์ที่หน่วยรบพิเศษป่าหวาย จ.ลพบุรี เคยได้รับการฝึกฝนการใช้อาวุธปืนมาเป็นอย่างดี แต่ปลดประจำการไปแล้วตั้งแต่ปี 2562
-ช็อก!ยิงถล่มรพ.สนาม-ยิงพนง.เซเว่น คนร้ายคนเดียวกัน

สำหรับมูลเหตุของการกราดยิง รพ.สนาม คนร้ายสารภาพว่า เหตุที่ยิงพนักงานร้านสะดวกซื้อ เนื่องจากตนทำขวดเบียร์แตก พนักงานจึงให้จ่ายเงินเพิ่ม แต่ตนได้บอกกับพนักงานว่า “ขอได้มั้ย” แต่พนักงานยืนยันว่าต้องจ่าย ตนจึงความโมโห จึงได้ใช้อาวุธปืน .38 เท่าที่จำได้ยิงไป 5-6 นัด จากนั้นจึงได้ขับรถออกมา ซึ่งตอนยิงพนักงานเซเว่น ยิงที่ด้านหลังตนรู้สึกผิดแล้ว เพราะนอกจากใช้อาวุธยิงจนเสียชีวิตแล้ว ยังได้ใช้เท้ากระทืบผู้เสียชีวิตอีก ทำให้เลือดของผู้เสียชีวิต ติดที่พื้นรองเท้า

หลังจากที่ก่อเหตุที่ร้านยิงพนักงานร้านเซเว่นแล้ว ได้ขับรถมาที่โรงพยาบาลสนาม จ.ปทุมธานี เพราะเห็นว่าเป็นศูนย์บำบัดผู้ป่วยเสพยาเสพติด พร้อมอ้างว่าเคยถูกคนเสพยาทำร้ายร่างกาย จึงรู้สึกคับแค้นใจ เมื่อเข้าไปถึงโรงพยาบาลสนาม พบผู้ป่วยโควิด-19 เป็นชาย เดินออกมาจากห้องน้ำ จึงสอบถามไปว่า เสพยาหรือเปล่า แต่ยังไม่ทันที่จะได้คำตอบ นายกวิน ก็ใช้อาวุธปืน ยิงใส่ผู้ป่วยโควิด-19 ล้มลงเสียชีวิต โดยภายหลังก็ถูกจับกุมตัวได้ที่ จ.ระนอง ได้ในที่สุด

กราดยิงวิทยาลัยการทัพบก
เมื่อวันที่ 14 ก.ย. 64 เกิดเหตุ จ.ส.อ.ยงยุทธ มังกรกิม อายุ 58 ปี เจ้าหน้าที่เสมียน สังกัด วทบ. ที่มีอาการคลุ้มคลั่ง ได้ยิงเพื่อนทหารดับ 2 ศพ และเจ็บสาหัสอีก 1 ราย โดยภายหลัง ผู้ก่อเหตุสารภาพจะมาก่อเหตุยิงนายทหารสัญญาบัตรให้ครบ 10 ศพ แต่ไม่มีใครอยู่ เนื่องจากผู้บังคับบัญชาระดับสูง อาจารย์ประจำ รวมถึงเจ้าหน้าที่ ติดภารกิจอบรมสัมมนาที่ จ.เพชรบุรี จึงทำการยิงจ่าเพื่อนทหารแทน

ภายหลัง ทางหน่วยต้นสังกัดได้ให้ข้อมูลว่า อาจจะเกิดจากความเครียดและปัญหาทางสุขภาพของผู้ก่อเหตุ ส่วนความสัมพันธ์ของผู้ก่อเหตุกับเหยื่อ ชี้แจงว่า หากดูจากพฤติกรรมการก่อเหตุ มีลักษณะว่าเมื่อเจอใครก็จะดำเนินการ ไม่ได้มีลักษณะของการทะเลาะเบาะแว้ง ซึ่งอาจจะเป็นในด้านของสภาพจิตใจของผู้ก่อเหตุมากกว่า ที่อาจจะมีสาเหตุมาจากสุขภาพร่างกายของเขา
-เปิดนาทีสังหารโหด! ‘จ่าคลั่ง’ เลือดเย็นพกกระสุนเกือบ100นัด ไล่ยิงเพื่อนจนหมดแมก

อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า สาเหตุที่ จ.ส.อ.ยงยุทธ กราดยิงเพื่อนร่วมงานนั้น มาจากปัญหาความขัดแย้งภายในที่เกิดขึ้นมานานแล้ว และอีกหลายสาเหตุ ประกอบกับ จ.ส.อ.ยงยุทธ มีปัญหาสมอง ได้รับกระทบกระเทือนจากอุบัติเหตุในระหว่างเดินทางไปฝึกอบรมหลักสูตรเลื่อนขั้นของกองทัพ นอกจากนี้ ยังมีบางกระแสระบุว่า มีภาวะความเครียดจนส่งผลกระทบต่อจิตใจ ของ จ.ส.อ.ยงยุทธ อย่างหนัก จากกรณีถูกเสนอชื่อย้ายออกจากหน่วยอีกด้วย

กราดยิงหนองบัวลำภู
และภายในระยะเวลาเพียงไม่ถึงเดือน หลังเกิดเหตุ “กราดยิงวิทยาลัยการทัพบก” ชาวไทยก็ต้องพบเจอกับเหตุกราดยิงที่เป็นอีกโศกนาฏกรรมขึ้นอีกครั้ง หลังเมื่อวันที่ 6 ต.ค. 65 นายปัญญา คำราบ หรือ แมน อายุ 34 ปี อดีตตำรวจ ยศ “ส.ต.อ.” ตำแหน่ง ผบ.หมู่ (ป.) สภ.นาวัง จ.หนองบัวลำภู ถูกไล่ออกจากราชการในคดียาเสพติด ได้ลงมือใช้มีด และอาวุธปืนประทุษร้ายในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กตำบลอุทัยสวรรค์ หมู่ที่ 6 บ้านห้วยนาหลวง โดยในขณะนั้น เป็นช่วงพักกลางวันและเด็กกำลังนอนหลับอยู่ภายใต้การดูแลของครูพี่เลี้ยง 6 คน ผู้ก่อเหตุใช้มีดฟันครูพี่เลี้ยงที่เห็นเหตุการณ์ และพยายามปิดประตูแต่ไม่สำเร็จ เสียชีวิต ผู้ก่อเหตุใช้ปืนกราดยิงต่อภายในศูนย์ฯ

หลังจากนั้น คนร้ายได้ขับรถยนต์หลบหนี รวมกินพื้นที่ 4 หมู่บ้าน ระหว่างทางก็ยิงผู้อื่นถึงแก่ความตายไปหลายคน ทางการตำรวจได้ส่งหน่วยปฏิบัติการพิเศษหนุมานกองปราบ และอรินทราช 26 ไปยังพื้นที่เกิดเหตุ สุดท้ายผู้ก่อเหตุฆ่าภรรยา บุตรของภรรยากับอดีตสามี และฆ่าตัวตายตาม
-เปิดไทม์ไลน์โศกนาฏกรรม “ไอ้แมน” อดีต ตร.คลั่ง! กราดยิงหนองบัวลำภู

หลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 38 คน ในจำนวนนี้เป็นเด็กเล็ก 22 คน และหนึ่งในผู้เสียชีวิต ยังพบด้วยว่ามีคุณครูท่านหนึ่ง กำลังตั้งครรภ์ถึง 8 เดือนแล้ว

แม้สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าว จะยังไม่สามารถล่วงรู้มูลเหตุจูงใจของผู้ก่อเหตุ ว่าเหตุใดถึงลงมือปลิดชีพผู้บริสุทธิ์ที่เป็นเด็กน้อยตัวเล็กๆ ที่กำลังนอนหลับอย่างเป็นสุข ไม่มีทางที่จะลุกขึ้นมาทำร้ายใครๆ ได้

สารวัตรคลั่ง
และล่าสุดเมื่อวันที่ 14 มี.ค. 2566 ที่ผ่านมา พ.ต.ท.กิตติกานต์ ตำรวจสันติบาล หรือ “สารวัตรกานต์” อายุประมาณ 50 ปี ได้นัดเพื่อนมาหาที่บ้าน แต่เมื่อมาถึง ได้ใช้อาวุธปืนกราดยิงออกมาหน้าบ้าน ย่านสายไหม สร้างความแตกตื่นให้กับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง โดยเพื่อนผู้ก่อเหตุให้ข้อมูลว่า สารวัตรกานต์ มีอาการป่วยทางจิต แล้วโทรศัพท์ให้มารับ แต่เมื่อมาถึงหน้าบ้าน เขาก็มีอาการคลุ้มคลั่ง และยิงปืนออกมาจากภายในบ้านเป็นระยะ อีกทั้งชาวบ้านในพื้นที่ยังเล่าว่า “สารวัตรกานต์” มีภาวะทางจิต ขาดราชการหลายวัน โดยมักจะเห็นเขาถือโทรศัพท์ ใส่หูฟังพูดคนเดียว และตะโกนด่าทอไปเรื่อย บางวันจะใช้อาวุธปืนยิงขึ้นฟ้า สร้างความหวาดผวาให้เพื่อนบ้านไปทั่ว
-สรุปม้วนเดียวจบ! ไทม์ไลน์ปฏิบัติการ27ชม. สยบ ‘สารวัตรคลั่ง’กราดยิง

สุดท้าย เจ้าหน้าที่หน่วยอรินทราช 26 และหน่วยคอมมานโด ร่วมกันเข้าปิดล้อมบ้านพัก และได้นำบันไดตั้งหน้าระเบียงบ้าน และบุกเข้าชาร์จสารวัตรคลั่ง และคุมตัวได้ในที่สุด พร้อมทั้งถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัส และเร่งนำตัวส่งโรงพยาบาล โดยเบื้องต้นมีการสันนิษฐนว่า ต้นเหตุที่ทำให้ “สารวัตรคลั่ง” นั้น เพื่อนๆ คิดว่า ไม่ได้มีปัญหามาจากเรื่องงาน เพราะเป็นคนสบายๆ ทำงานเก่ง แต่คาดว่าน่าจะมาจากปัญหาเรื่องความรักครั้งใหม่ ที่สารวัตรกานต์ ไปแอบชอบผู้หญิงที่มีอายุน้อยกว่า แล้วเขาปฏิเสธ

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้เอง คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่า ความรุนแรง ความสะเทือนขวัญ ไปจนถึงโศกนาฏกรรม ความสูญเสียที่สร้างความเสียใจให้กับสังคมไทยนั้น ย่อมนำมาซึ่งคำถามที่ว่า ผู้ที่มีปืน.. ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ทักษ์สันติราษฎร์ แต่กลับทำให้ประชาราษฎร์ ต้องอยู่บนความหวาดระแวงเช่นนี้.. เราต้องเจอเรื่องแบบนี้อีกสักกี่ครั้งกัน?..