เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์สุดระทึกที่สังคมไทยให้ความสนใจ และติดตามกันอย่างต่อเนี่อง สำหรับเหตุการณ์ “สารวัตรคลั่ง” ของ พ.ต.ท.กิตติกานต์ ตำรวจสันติบาล เกิดอาการคลุ้มคลั่ง ใช้อาวุธปืน กราดยิง บริเวณที่พัก ย่านสายไหม สร้างความแตกตื่นให้กับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง กินเวลายาวนานข้ามวันข้ามคืนกว่า 27 ชั่วโมง

ก่อนที่สุดท้ายเจ้าหน้าที่หน่วยอรินทราช 26 และหน่วยคอมมานโด ร่วมกันเข้าปิดล้อมบ้านพักและได้นำบันไดตั้งหน้าระเบียงบ้าน และบุกเข้าชาร์จจ่าคลั่ง และคุมตัวได้ในที่สุด พร้อมทั้งถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัส และเร่งนำตัวส่งโรงพยาบาล

“เดลินิวส์ออนไลน์” จึงจะสรุปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมกับไทม์ไลน์แบบม้วนเดียวจบ นับตั้งแต่เกิดเหตุ “สารวัตรคลั่ง” กราดยิง ยาวนานกว่า 27 ชั่วโมง จนสุดท้ายถูกคุมตัวในที่สุด

ลำดับเหตุการณ์เริ่มจากช่วงเวลา 11.00 น. ของวันที่ 14 มี.ค. มีรายงานจากเพจ “สายไหมต้องรอด” ว่า “ ด่วน! 11.00 น. ชายคลุ้มคลั่ง! ก่อเหตุกราดยิง พิกัด บ้านมั่นคง ซอยจีระมะกร เขตสายไหม สืบสายไหมกำลังปิดล้อมพื้นที่ จากการตรวจสอบเบื้องต้นทราบว่า ผู้ที่ก่อเหตุเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ อายุประมาณ 50 ปี ได้นัดเพื่อมาหาที่บ้าน แต่เมื่อมาถึงได้ใช้อาวุธปืนกราดยิงออกมาหน้าบ้าน ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.สายไหม อยู่ระหว่างเข้าระงับเหตุ ส่วนสาเหตุกำลังตรวจสอบ ยังไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตแต่อย่างใด”

หลังจากนั้นช่วงเวลา 12.00 น. เมื่อมีการเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ ทราบชื่อชายคลุ้มคลั่ง คือ “สารวัตรกานต์” พ.ต.ท.กิตติกานต์ แสงบุญ อายุ 51 ปี สังกัดศูนย์พัฒนาด้านการข่าว สันติบาล ยิงปืนอยู่ภายในบ้านพัก เพื่อนผู้ก่อเหตุให้ข้อมูลว่า สารวัตรกานต์ มีอาการป่วยทางจิต แล้วโทรศัพท์ให้มารับ แต่เมื่อมาถึงหน้าบ้าน เขาก็มีอาการคลุ้มคลั่ง และยิงปืนออกมาจากภายในบ้านเป็นระยะ

หลังจากนั้น พ.ต.อ.รังสรรค์ สอนศิลป์ ผกก.สน.สายไหม พล.ต.ต.อรรถพล อนุสิทธิ์ ผบก.น.2 ผู้บังคับการ 191 หัวหน้าสังกัดของตำรวจสันติบาลนายนี้ คอยควบคุมสถานการณ์อยู่ในที่เกิดเหตุ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ หน่วยอรินทราช และหนุมานกองปราบ รวมแล้วกว่า 100 นาย โดยกันผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องออกจากพื้นที่

ต่อมาเมื่อช่วงบ่าย เจ้าหน้าที่ชุดเจรจาทำการเกลี้ยกล่อม “สารวัตรกานต์” ที่อยู่ในบ้านกว่า 1 ชั่วโมง ยังไม่เป็นผล พร้อมทั้งมีกองทัพสื่อมวลชนยังเกาะติดสถานการณ์รายงานเป็นระยะ แต่ปรากฏว่ากลับยิ่งสร้างความกดดันอย่างหนัก สารวัตรกานต์จึงมีการยิงปืนสวนออกมาเป็นระยะกว่า 20 นัด สร้างความแตกตื่นให้กับชาวบ้านในละแวกติดกัน

หลังจากนั้น ชาวบ้านในพื้นที่ได้ให้สัมภาษณ์ และเล่าว่า “สารวัตรกานต์” มีภาวะทางจิต ขาดราชการหลายวัน โดยมักจะเห็นเขาถือโทรศัพท์ ใส่หูฟังพูดคนเดียว และตะโกนด่าทอไปเรื่อย บางวัน จะใช้อาวุธปืนยิงขึ้นฟ้า สร้างความหวาดผวาให้เพื่อนบ้านไปทั่ว

พร้อมเล่าว่าช่วงเวลาประมาณ 08.30 น. ผู้ก่อเหตุขับขี่รถจักรยานยนต์รอบหมู่บ้าน และยิงปืนราว 3-4 นัด โดยสังเกตเห็นตำรวจนอกเครื่องแบบกลุ่มหนึ่งมาหาผู้ก่อเหตุ ระบุว่า “สารวัตรผมมาช่วย” ทำให้ผู้ก่อเหตุคลั่งเข้าบ้านไปยิงปืน ชาวบ้านต่างตกใจและพากันหลบอยู่ในที่พัก โดยเมื่อคืน (13 มี.ค.) เวลา 24.00 น. มีเสียงคล้ายพลุออกจากบ้านของผู้ก่อเหตุ ส่วนตัวเคยพูดคุยทักทายกับผู้ก่อเหตุตามปกติ โดยผู้ก่อเหตุอาศัยอยู่ตามลำพัง ไม่มีครอบครัว และก่อนหน้านี้เคยเกิดอาการคลุ้มคลั่งโวยวายมาแล้วหนึ่งครั้ง แต่ไม่ได้ทำร้ายใคร นอกจากนี้ เมื่อประมาณสัปดาห์ก่อน ยังเคยได้ยินเสียงผู่ก่อเหตุ โวยวายภายในบ้านด้วย

หลังจากเวลาผ่านมานานกว่า 5 ชั่วโมง ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ โดยตำรวจพื้นที่ได้ประสานกำลังหน่วยอรินทราช เข้ามาร่วมควบคุมสถานการณ์ พร้อมอาวุธครบมือ เข้ามากระชับพื้นที่บ้านเกิดเหตุ และยังใช้รถกระบะสีขาว มาจอดขวางทางแยกบริเวณบ้านหลังเกิดเหตุ เพื่อความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ และสื่อมวลชนที่เฝ้าสังเกตการณ์

เจ้าหน้าที่ได้ทำการตัดไฟบ้านตำรวจสันติบาลที่คลุ้มคลั่ง เพื่อกดดันให้ออกมามอบตัว ทั้งนี้ ผู้บังคับตำรวจสันติบาลได้พยายามเกลี้ยกล่อมจะพาไปรักษาตัว แต่ยังไม่มีการใช้กำลังเข้าจับกุม เพราะไม่มีตัวประกัน ขณะที่พบว่าผู้ก่อเหตุมีปืน 2 กระบอก ยิงออกมาแล้ว 48 นัด แต่ยังไม่รู้ว่ามีกระสุนเหลืออยู่กี่นัด และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขอความร่วมมือสื่อมวลชนออกนอกพื้นที่ และทยอยเคลียร์ประชาชนที่อยู่ภายในบ้าน ออกไปอยู่ในที่ปลอดภัยให้หมด ก่อนจะตัดสินใจปฏิบัติการตามยุทธวิธีต่อไป

หลังจากผ่านมาแล้วกว่า 9 ชั่วโมง “สารวัตรกานต์” ยังไม่ยอมมอบตัว ด้าน พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ที่เดินทางมาที่เกิดเหตุ เปิดเผยว่า ขณะนี้รับรู้ข้อมูลคร่าว ๆ กับสื่อมวลชน จึงต้องเดินทางเข้ามาเพื่อติดตามสถานการณ์ แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถให้ข้อมูลอะไรได้ ขอหารือกับผู้ปฏิบัติงานก่อน แต่จะพยายามให้ควบคุมสถานการณ์ภายในค่ำคืนนี้ โดยจะพยายามไม่ให้เกิดความสูญเสียกับทั้ง 2 ฝ่าย

ต่อมา พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ในฐานะอดีตเคยเป็นผู้บังคับบัญชาในสังกัดของผู้ก่อเหตุ เดินทางมาเพื่อเจรจากับสารวัตรสันติบาลที่ก่อเหตุ โดยขยายแนวกั้นพื้นที่ เพื่อกันสื่อมวลชนให้ออกห่างจากรัศมีจุดเกิดเหตุประมาณ 100 เมตร พร้อมเปิดเผยว่า เดิมผู้ก่อเหตุเป็นลูกน้องเก่าของตน ก่อนหน้านี้มีอาการลักษณะนี้มาแล้ว แต่ไม่หนักเท่าครั้งนี้ เดิมทำงานที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ก่อนโยกย้ายไปประจำที่กองบัญชาการศึกษา กระทั่งย้ายมาที่สันติบาล

หลังจากนั้นหน่วยอรินทราช 26 เตรียมใช้แก๊สน้ำตาบุกเข้าชาร์จตัวสารวัตรภายในบ้านพัก เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ วางแผนตรึงกำลังรายล้อมบ้านที่เกิดเหตุไว้ พร้อมเกลี้ยกล่อม แต่ยังไม่มีทีท่าว่าสารวัตรจะยอมมอบตัวแต่อย่างใด

เมื่อเวลา 18.45 น. เกิดเสียงอาวุธปืนดังขึ้นกว่า 10 นัด ภายในบ้านของสารวัตรคลั่ง พร้อมกับเสียงระเบิดดังขึ้นหลายครั้ง กระทั่งเจ้าหน้าที่ประกาศให้สื่อมวลชนออกจากพื้นที่ เนื่องจากมีการใช้แก๊สน้ำตา ทำให้สื่อมวลชนหลายสำนักที่เกาะติดสถานการณ์ ต้องวิ่งหลบออกมาด้านนอก แต่ปรากฏว่า แก๊สน้ำตา ไม่สามารถทำอะไรสารวัตรกานต์ได้

เมื่อเวลา 22.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามเกลี้ยกล่อม “สารวัตรกานต์” โดยมีการให้วิดีโอคอลคุยกับแม่และอดีตภรรยา รวมไปถึงลูก แต่สารวัตรกลับไม่ตอบรับ และบอกว่าขอใช้ชีวิตของตัวเอง ไม่ต้องมายุ่ง หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พยายามเจรจาเกลี้ยกล่อม และพูดให้กำลังใจ และพูดระบายความอัดอั้นในใจออกมา ซึ่งระหว่างนี้ ในส่วนของตำรวจได้ประสานจิตแพทย์และทีมจิตแพทย์เข้ามาช่วยในการเกลี้ยกล่อมอีกครั้งหนึ่ง

ทั้งนี้ พบว่าในบ้านของสารวัตรคลั่งมีอาวุธทั้งปืนและมีดจึงไม่สามารถเข้าไปภายในบ้านหรือชาร์จตัวได้ เจ้าหน้าที่จึงพยายามใช้วิธีละมุนละม่อมให้มากที่สุด ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ไม่สามารถบอกได้ว่า จะควบคุมสถานการณ์ได้เมื่อไหร่ เนื่องจากคนสนิทของตำรวจที่คลุ้มคลั่งให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ว่า นายตำรวจมีอาการคลุ้มคลั่งแบบนี้มักจะเป็นบ่อยครั้ง หลังจากนั้นจะค่อย ๆ เย็นลง แต่ขอให้ได้ระบายหรือพูดและมีคนรับฟังก็จะสงบลง และจากการตรวจสอบประวัติรักษาอาการจิตเวช ไม่พบว่าตำรวจรายดังกล่าวเข้ารับการรักษาตามสิทธิ

ขณะที่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. ได้เรียกประชุมเพื่อกำหนดยุทธวิธี ขณะที่กำลังเจ้าหน้าที่คอมมานโด และอรินทราช 26 ได้เข้าประจำจุดเพื่อปฏิบัติตามแผน ซึ่งเป็นการเตรียมการหากมีการยิงแก๊สน้ำตาครั้งที่ 2 จะต้องดำเนินการอย่างไรต่อ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยที่สุด ขณะที่เจ้าหน้าที่ยังคงลำเลียงผู้ป่วยและชาวบ้านออกจากพื้นที่ต่อเนื่อง และมีการประสานรถดับเพลิงมาสแตนด์บายในพื้นที่แล้ว

ต่อมาเมื่อเวลา 02.00 น. ตำรวจอรินทราช พร้อมคอมมานโด เข้าปิดล้อมบ้านพัก พร้อมระดมยิงแก๊สน้ำตาเข้าไปภายในบ้านกว่า 20 ลูก แต่สารวัตรกานต์ยังไม่ยอมมอบตัวเจ้าหน้าที่

หลักจากกันเวลาไปแล้วกว่า 21 ชั่วโมง ช่วงเวลา 06.00 น. มาง ตำรวจเริ่มรุกหนัก หลังเจรจานานไม่เป็นผล ปีนบ้านพร้อมบอกให้ผู้ก่อเหตุวางอาวุธ จากนั้นได้ยินเสียงคล้ายระเบิดดังขึ้นอีกเป็นระยะ โดยเจ้าหน้าที่ได้ตะโกนให้คนที่อยู่ภายในบ้านวางอาวุธ แต่ก็ไม่มีเสียงตอบกลับมาแต่อย่างใด พร้อมทั้งนี้เจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษ ได้ถอนกำลังออกจากพื้นที่ เพื่อวางแผนกันใหม่ ขณะเดียวกันก็ยังมีการใช้โทรโข่งเจรจาอยู่เป็นระยะ

หลังจากนั้นช่วงสาย ๆ เจ้าหน้าที่หน่วยอรินทราช 26 และหน่วยคอมมานโด ยังคงปิดล้อมบ้านพักอยู่เช่นเดิม และมีการปีนหลังคาขึ้นไปที่กันสาดหลังบ้าน เพื่อดูสารวัตรกานต์ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดเจรจาได้ร้องเพลง “จดหมายจากแนวหน้า” ของยอดรัก สลักใจ และเพลงลูกทุ่งที่คาดว่าสารวัตรกานต์จะชอบ เพื่อกล่อมให้คลายความเครียด แต่ก็ยังไม่มีสัญญาณที่สารวัตรกานต์จะยอมมอบตัวแต่อย่างใด

จากนั้นอีกไม่กี่อึดใจหลังฟังเพลงขับกล่อมมาหลายเพลง ในที่สุด “สารวัตรกานต์” ก็เหมือนจะมีปฏิกิริยาที่เย็นลง กระทั่งตัดสินใจส่งสัญญาณยอมเปิดประตูเพื่อจะพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ชุดจู่โจม

หลังจากผ่านไปแล้วกว่า 24 ชั่วโมง ได้มีการเปิดภาพ “สารวัตรกานต์” ที่อยู่ในอาการอ่อนเพลีย ขณะเก็บตัวอยู่ในบ้านพัก ที่ข้าวของกระจัดกระจาย และหมวกเหล็กกันกระสุนของ ผบ.หมู่ ร้อย.ปพ 2 อรินทราช ที่เป็นรอยถูกยิง พร้อมระบุว่า หมวก ตร.ที่เข้าไป ถูกกระสุนตอบโต้ ตลอด 24 ชม. ยิงไปกว่า 50 นัด ทั้งนี้ มีรายงานว่า พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. จะเดินทางไปที่เกิดเหตุในเวลา 10.30 น.

สุดท้ายช่วงเวลา 12.20 น. วันที่ 15 มี.ค. ภายหลัง พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. พร้อมคณะ ได้เดินทางมาถึงพื้นที่เกิดเหตุและเข้าไปพูดคุยกับ “สารวัตรกานต์” แต่การเจรจาไม่เป็นผล ทางเจ้าหน้าที่ได้นำกำลังบุกเข้าไปยังบ้านของ สารวัตรกานต์ โดยได้มีการยิงเปิดทางเพื่อเข้าชาร์จตัว ก่อนมีเสียงปืนดังทั้งสองฝ่ายตอบโต้กันหลายนัด โดยภายหลังเสียงปืนเงียบสงบ ก็ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาขอเคลียร์พื้นที่กับทางสื่อมวลชน เพื่อให้รถพยาบาลเข้าไปยังบ้านของสารวัตรกานต์ ก่อนจะมีเคลื่อนย้ายร่างชาย ซึ่งคาดว่าจะเป็นสารวัตรกานต์ เบื้องต้นได้รับบาดเจ็บ นำตัวขึ้นรถพยาบาลส่งรักษา ส่วนรายละเอียดต้องรอเจ้าหน้าที่ตำรวจชี้แจงอีกครั้ง

ขณะที่ พล.ต.อ.ต่อศักด์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. ได้ยืนยันว่า ผู้ก่อเหตุถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัส หลังเจ้าหน้าที่เข้าบุกชาร์จ ได้นำตัวส่งโรงพยาบาลแล้ว..